ความสัมพันธ์ทางการค้าที่ร้าวฉานระหว่างสหรัฐกับจีนอาจเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน แต่ปัจจัยที่กระทบบริษัทสัญชาติอเมริกันรุนแรงยิ่งกว่าสงคราการค้าก็คือ เงินดอลลาร์ที่แข็งโป้ก ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งเปรียบเทียบสกุลเงินดังกล่าวกับตะกร้าเงินที่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักๆ ของโลกอย่างปอนด์อังกฤษ ยูโร เยนญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 5% แล้วในปีนี้ และใกล้ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
สาเหตุที่ดอลลาร์แข็งค่ามาจากทั้งหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังลุ่มๆ ดอนๆ รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด
ดอลลาร์ที่แข็งค่าถือเป็นข่าวร้ายสำหรับบริษัทสหรัฐที่ออกไปลงทุนนอกประเทศ เนื่องจากยอดขายและกำไรที่ทำได้ในต่างชาติจะมีมูลค่าต่ำลงเมื่อแปลงเป็นเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมลดลงด้วย ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและราคาหุ้นของบริษัทนั้นในตลาดหลักทรัพย์
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่บริษัทที่ทำธุรกิจอยู่แต่ในบ้านยังหนีแรงสะเทือนไม่พ้น เพราะเมื่อดอลลาร์ในมือผู้บริโภคอเมริกันมีมูลค่าสูงขึ้นจากการแข็งค่าของดอลลาร์ อำนาจซื้อย่อมพุ่งตาม คนอเมริกันจึงมีแนวโน้มจะหันไปซื้อสินค้านำเข้ามากขึ้น และเมินของที่ผลิตในประเทศ
บริษัทผู้ผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายคิมเบอร์ลี-คลาร์ก, พรอตเตอร์ แอนด์ แกมเบิล, ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน หรือผู้ผลิตสินค้าเพื่อป้อนธุรกิจอื่นอย่าง 3 เอ็ม และคาร์เตอร์พิลลาร์ ต่างประสานเสียงยอมรับว่า ดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังกระทบต่อผลกำไรของตน
อาทิ ฮาสโบร ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในยุโรป ละตินอเมริกาและเอเชีย กดดันให้ยอดขายในไตรมาสที่แล้วร่วง 30 ล้านดอลลาร์ เช่นเดียวกับฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่เผยว่า ยอดขายราว 1% เจอหางเลขจากดอลลาร์แข็ง
ด้านนายไมเคิล ซู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของคิมเบอร์ลี-คลาร์ก มองว่า การผันผวนของค่าเงินดอลลาร์และสกุลเงินอื่นๆ เป็นแรงต้านที่น่ากังวลสำหรับปีหน้า
สถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ กดดันให้ผู้ประกอบการหลายรายวางแผนปรับขึ้นราคาสินค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 นอกจากเป็นเพราะการแข็งค่าของดอลลาร์แล้ว ยังมาจากภาคธุรกิจเองประเมินผลกระทบเชิงลบจากปัจจัยดังกล่าวต่ำเกินไป จึงไม่ได้เตรียมแผนรับมือที่รัดกุมเพียงพเช่น 3 เอ็ม ที่เคยคาดการณ์ว่า ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง และช่วยกระตุ้นกำไรได้ 0.10-0.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ต้องกลับลำแก้ไขตัวเลขเป็น การแข็งค่าของสกุลเงินสหรัฐจะฉุดกำไรให้ลดลง 0.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น
เช่นเดียวกับ พีแอนด์จี เป็นอีกบริษัทที่เตรียมจะปรับขึ้นราคาสินค้าในปีหน้า โดยชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟด เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ดอลลาร์แข็งค่า และจะยิ่งแข็งค่ามากขึ้นในปีถัดไป เนื่องจากเฟดมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง
นายเดวิด เทเลอร์ ซีอีโอของพีแอนด์จีเผยกลยุทธ์ว่า บริษัทของตนจะเพิ่มราคาพร้อมกับเสริมนวัตกรรมเข้าไปในสินค้าที่ติดตลาดอยู่แล้ว เช่น ครีมบำรุงผิวหรือผงซักฟอก โดยมั่นใจว่าผู้บริโภคยินดีจะจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ได้สินค้าที่คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม