การออกกำลังกาย เพื่อดูแลสุขภาพ ได้กลายเป็นหนึ่งเมกะเทรนด์ ที่กำลังตื่นตัวไปทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย จาก 3-4 ปีก่อน คนไทยตื่นตัวกับการปั่นจักรยาน ส่งผลให้ยอดขายรถจักรยานเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มาถึง พ.ศ.นี้ เทรนด์การวิ่ง กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมของคนไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่จะมีอีเวนท์การวิ่งจัดขึ้นแทบทุกวันอาทิตย์ ทำให้ตลาดรองเท้าวิ่ง เติบโตไม่แพ้ยุคปั่นจักรยาน
แต่ไม่ว่าจะออกแบบด้วยกิจกรรมใด เครื่องแต่งกายอย่างเสื้อผ้า ถือเป็นสิ่งจำเป็น ในปี 2561 คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสินค้าแฟชั่นของไทย ราว 30,000 ล้านบาท มีสัดส่วนกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและมีการเติบโตสูงสุด คือ กลุ่มเสื้อผ้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และเติบโตประมาณ 22% โดยเสื้อผ้าแฟชั่นในกลุ่มไลฟ์สไตล์ และสปอร์ตแฟชั่นมีแนวโน้มเติบโตอย่างมาก สอดคล้องกับเทรนด์ที่คนรุ่นใหม่ในยุคมิลเลเนียลที่หันมานิยมการแต่งตัวแนวสปอร์ตไลฟ์สไตล์กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน เพราะนอกจากจะสวมใส่เวลาเล่นกีฬาได้แล้ว ยังสามารถนำมา Mix and Match สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้
พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปอร์ต รีโวลูชั่น จำกัด เผยว่า ด้วยเทรนด์ที่เกิดขึ้นนี้ บริษัทฯ จึงได้นำเข้าแบรนด์ “แชมเปี้ยน” (Champion) เสื้อผ้าแนวสปอร์ตไลฟ์สไตล์ชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีแฟนคลับที่ชื่นชอบแบรนด์นี้ทั่วโลกกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากบริษัทผู้ทำตลาดเดิมเลิกไปเมื่อ 15 ปีก่อน
แชมเปี้ยน ถือเป็นแบรนด์ชุดกีฬาที่เป็นตำนาน สัญลักษณ์ C ที่มีพื้นแดง น้ำเงิน อยู่ในวง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1919 นับมาถึงปัจจุบันก็เกือบครบ 100 ปี มากกว่าแบรนด์ชุดกีฬาใด ๆ ในโลก โดยในช่วงยุค 90 แชมเปี้ยนมีบทบาทไปพร้อมกับการเติบโตของบาสเก็ตบอล NBA สหรัฐอเมริกา ที่มีซูเปอร์สตาร์อย่าง ไมเคิล จอร์แดน , สก็อตต์ พิพเพ่น แชมเปี้ยนถูกใช้เป็นชุดแข่งให้กับทีมใน NBA ปี 1993 และที่จดจำกันได้ทั้งโลก คือ ทีมบาสเก็ตบอล สหรัฐอเมริกา ชุดดรีมทีม ในกีฬาโอลิมปิค 1996 ก็ใช้ชุดแชมเปี้ยน ลงทำการแข่งขัน
แต่ตลาดย่อมมีคู่แข่ง และ 2 แบรนด์คู่แข่งสำคัญอย่าง ไนกี้ และอาดิดาส ที่เติบโตขึ้น ก็เข้ามาแย่งชิงตลาดของแชมเปี้ยนไปทั้งในกีฬาบาสเก็ตบอล และอเมริกันฟุตบอล ที่ไนกี้จับจองอยู่ และในกีฬาซอคเกอร์ หรือฟุตบอล ก็เป็นพื้นที่ของอาดิดาส แชมเปี้ยนจึงปรับตัวจากภาพของชุดกีฬา มาสู่สปอร์ตไลฟ์สไตล์แฟชั่น และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา แต่ยังข้ามมาถึงญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่นิยมแบรนด์ C ไอค่อนนี้เป็นอย่างมาก
แชมเปี้ยน ดีไซน์ขึ้นด้วยแนวคิด “It Takes A Little More To Make A Champion” แฟชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ภายใต้สัญลักษณ์ตัว C ไอค่อนฮิตในทุกยุคทุกสมัย เป็นเสื้อผ้าที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทั้งเรื่องการผลิตเสื้อผ้ากีฬาที่มีความร่วมสมัย เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้สวมใส่ขณะการทำกิจกรรมต่างๆ และดีไซน์ที่สร้างแรงบันดาลใจด้วยเอกลักษณ์ที่ยังคงความคลาสสิคในแบบฉบับของแชมเปี้ยน โดยเฉพาะเสื้อ Sweatshirt (เสื้อแขนยาวกันหนาว) ของ Champion ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนได้นิยามว่า “King of the sweatshirt” นอกจากนี้ Champion ยังเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการตัดเย็บ อาทิ การทอแบบแนวขวาง “Reverse Weave” ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Champion เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและคงทนใส่สบาย และ Champion ยังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยการผลิต เสื้อใส่ได้ทั้งสองด้านผลิตจากผ้าตาข่ายไนล่อน ”Reversible tee”
โดยการนำกลับมาทำตลาดครั้งใหม่นี้ สปอร์ต รีโวลูชั่น ประเดิมเปิดร้าน Champion แห่งแรกที่ชั้น 3 โซนเอเทรียม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ วางตำแหน่งทางการตลาด (Brand Positioning) คือ “Athleisure” ที่มีจากคำว่า Athlete (กีฬา) และ Leisure (วันสบายๆ) สื่อถึงการผสมผสานกันอย่างลงตัวของความมีสไตล์ ความสบาย และเสื้อผ้าแนวสปอร์ต เสริมลุคของความเป็นคนรักสุขภาพ แข็งแรง คล่องตัว แต่ยังคงความมีสไตล์แฟชั่น ซึ่งคอลเลคชั่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น มีดีไซน์แบบมินิมอล (Minimal) และมีขนาดที่เหมาะกับคนไทย เน้นความเป็นแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ทั้ง 3 กลุ่ม คือ Active style, Action Style และ Basic Style ที่สวมใส่ได้ทุกโอกาส มีสินค้าราคาตั้งแต่ 1,100 บาทจนถึง 7,000 บาท
“ทั้งนี้ แบรนด์แชมเปี้ยนจะเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับ B ขึ้นไป ผู้ชาย 60% และผู้หญิง 40% โดยเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้นถึงกลาง มีกำลังซื้อสูง มีพฤติกรรมความต้องการสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมีสไตล์เป็นของตนเอง บริษัทฯ ได้วางงบประมาณด้านการตลาดไม่น้อยกว่า10%/ปี สร้างการรับรู้อย่างกว้างขวางในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุกช่องทาง โดยใช้กลยุทธ์ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ผ่านกลุ่ม Influencers ที่สามารถสร้างประสบการณ์และแรงบันดาลใจเพื่อให้เกิดความสำเร็จ จะช่วยเข้าถึงและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งวางแผนขยายสาขาของ Champion อีก 2 แห่งภายในปีนี้ คือ ศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการไอคอนสยาม รวมทั้งอีก 4-5 แห่งภายในปี 2562”
พรศักดิ์ มั่นใจว่า การเปิดตัวของแบรนด์ แชมเปี้ยน ในประเทศไทย จะสามารถทำยอดขายเพิ่มให้บริษัทได้ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท/ปี คิดเป็น 20-25% ภายในปี 2563 และต่อยอดขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มของ สปอร์ตไลฟ์สไตล์ เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งต่อจากนี้ แฟนคลับแชมเปี้ยนในเมืองไทย ก็ไม่จำเป็นต้องออกไปช้อปเสื้อผ้าแบรนด์แชมเปี้ยนไกลถึงญี่ปุ่น เกาหลี เพราะนอกจากสินค้าแบรนด์แชมเปี้ยนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย เป็นสินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่นทั้งหมดแล้ว การตั้งราคาก็จะไม่ต่างจากราคากันมากเช่นกัน