ในแต่ละปีจะมีนักค้นนักคิด สร้างธุรกิจดิจิทัล หรือสตาร์ทอัพ เกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายจะประสบความสำเร็จ ปัจจัยสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างธุรกิจของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ คือการนำมาอำนวยความสะดวกในไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่ไม่เคยเกิดขึ้น เช่น การจองโรงแรมให้ได้ราคาที่ดีที่สุด การเรียกแท็กซี่มาจอดรอรับถึงหน้าบ้าน หรือการสั่งอาหารร้านดังที่ไม่เคยได้กินให้มาส่งถึงบ้าน
ซันเดย์ คืออีกหนึ่งสตาร์ทอัพ ที่นอกจากการสร้างความสะดวกสบายในการทำประกันแล้ว ยังนำเทคโนโลยี Big Data และ Cloud Computing มาใช้ในการสร้างบริการใหม่ๆ ที่บริษัทประกันไม่เคยทำมาก่อน
ซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด เผยว่า ซันเดย์ คือดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นอินชัวร์เทค (InsurTech) หรือบริษัทที่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมายกระดับการให้บริการด้านประกันภัยที่สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้จากประกันภัยแบบเดิม
“เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน บริษัทประกันก็ต้องปรับตัวหาบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น แต่วันนี้ 60 บริษัทประกันในประเทศไทย ยังนำเสนอรูปแบบประกันแบบเดิมๆ เราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจประกันภัย ซันเดย์จึงเข้ามาทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงการประกันได้ง่ายขึ้น ใช้บริการง่าย เหมือนความรู้สึกสบายๆ เหมือนความรู้สึกในวันอาทิตย์”
แนวคิดของซันเดย์คือการใช้เทคโนโลยี เช่น AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning พร้อมทั้งดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ทันสมัยเพื่อทำให้ประกันภัยเข้าถึงง่าย และมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ตอบโจทย์ความต้องการทั้งแบบเฉพาะบุคคล หรือองค์กรธุรกิจได้อย่างลงตัว โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกและฐานข้อมูลสถิติด้านอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งรายย่อย และลูกค้าองค์กร (Corporate Clients)
โดยซันเดย์ได้เลือกใช้โซลูชั่นจาก อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการระบบ Cloud Computing ระดับโลก นอกจากนี้ซันเดย์ยังได้มีการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยประมวลผลบน AWS Cloud Services ผสานกับแนวคิดการบริการประกันภัยที่ล้ำสมัย ทำให้ซันเดย์เป็นผู้นำทางตลาด InsurTech และยังเป็น InsurTech รายแรกในไทย
ซินดี้กล่าวว่า การผสานเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และ Machine Learning ช่วยทำให้ซันเดย์สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชั่น Sunday เมื่อลูกค้าใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลหลายล้านหน่วยที่จัดเก็บบน AWS ในทันที เพื่อทำการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย
นอกจากนี้ระบบของซันเดย์ยังสามารถรองรับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายหมื่นรายได้พร้อมกัน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ลูกค้าของซันเดย์ได้รับข้อเสนอในราคาที่ดีกว่าประกันภัยแบบเดิมๆถึง 20% และยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าได้ อาทิ ประกันการเดินทางที่จ่ายชดเชยกรณีความล่าช้าของสายการบินแบบเรียลไทม์ (Flight Delay) ซันเดย์เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางสภาพอากาศ และการบิน ทำให้สามารถจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าได้ทันทีที่มีการล่าช้าตามเงื่อนไขที่กำหนด, บริการประกันสุขภาพรายเดือน หรือบริการประกันภัยการเดินทางขนาดย่อย (Micro Travel Insurance) ที่คิดเบี้ยประกันตามวันเวลาที่มีการเดินทางและประเทศที่ไป ซึ่งซันเดย์เป็นรายแรกที่สามารถเสนอความคุ้มครองแบบดังกล่าว ที่กล่าวมานี้ล้วนเกิดจากความสามารถของเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และระบบ Machine Learning ในการคำนวณข้อมูลและรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้บริการร่วมกับบริษัทประกัน KSK”
นอกจากการให้บริการผู้บริโภค ซันเดย์ยังมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ เป็นผู้ช่วยสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรให้เติบโตและเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ ด้วยการมอบบริการประกันภัยที่ดีและคุ้มค่าให้ลูกค้าของพันธมิตรธุรกิจเพื่อร่วมเดินหน้าสร้างความสำเร็จในธุรกิจไปด้วยกัน โดยที่ผ่านมามีองค์ธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซันเดย์และนำบริการประกันภัยรูปแบบใหม่ของซันเดย์ไปใช้ในธุรกิจแล้วหลายแหล่ง อาทิ แกร็บ (Grab) และดีแทค (Dtac)
ซันเดย์ยังวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก Cloud Service ทำให้ซันเดย์ไม่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีในตลาดใหม่ ส่งผลให้ซันเดย์กลายเป็นบริษัท Asset-Light ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อันจะเห็นได้จากฐานลูกค้าภายใน 1 ปีที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000 ราย และ มียอดขายเติบโตถึงกว่า 30% ต่อเดือน
ด้าน ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด(AWS) กล่าวว่า “อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) มีลูกค้าอยู่บนแพลตฟอร์มากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งระบบ AWS Cloud Computing ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นตามลักษณะการใช้งานของลูกค้า มีความปลอดภัย และมีเสถียรภาพ ซึ่งบริการที่ทางซันเดย์ใช้งานมีอยู่หลายตัวด้วยกันเช่น Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2), Amazon Relational Database Service (Amazon RDS) และ AWS Lambda