ความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า ไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างกันง่ายๆ ยิ่งถ้าภาพพจน์ของแบรนด์นั้นอยู่ในมุมลบมากกว่ามุมบวก ประกอบกับในวันที่ผู้บริโภคทุกคนเป็นเจ้าของสื่อเองเช่นนี้ เรื่องลบถูกส่งต่อออกสู่วงกว้างอย่างรวดเร็ว การพลิกภาพจากลบให้เป็นบวกยิ่งเป็นเรื่องยาก
แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแบรนด์นั้นมาจากประเทศจีน
เพราะด้วยขนาดของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก มีการขยายการลงทุนออกไปทั่วโลก และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่จะสร้างแบรนด์จากประเทศจีน สู่การเป็นแบรนด์นวัตกรรมและเทคโนโลยี เปลี่ยนเมืองแห่งการก็อปปี้ เซิ้นเจิ้น กลายเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม ภาพของสินค้าเลียนแบบ คุณภาพต่ำ กลายเป็นนโยบายให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา R&D ที่หลายแบรนด์ใหญ่ของจีน มีการตั้งหน่วยงาน R&D ทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก เพื่อค้นหานวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ มานำเสนอผ่านสินค้าจีน
วันนี้ 3 แบรนด์มือถือจากจีน หัวเว่ย, ออปโป้ และวีโว่ เปลี่ยนจากแบรนด์หางแถว สลับกันขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 สมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของคนไทยไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะตลาดทีวี แบรนด์ไฮเซ่นส์ กำลังจะเดินตามรอยความสำเร็จนั้น
ไฮเซ่นส์ คือแบรนด์ทีวีที่มียอดขายสูงที่สุดในประเทศจีน ยาวนานถึง 14 ปี เป็นอันดับ 3 ในตลาดโลก และเพิ่งโค่น 2 แบรนด์เกาหลี ผู้นำในตลาดทีวีออสเตรเลีย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำยอดขายอันดับ 1 ด้วยนวัตกรรมจากหน่วยงาน R&D ที่กระจายอยู่ 7 แห่งทั่วโลก พร้อมสำนักงานใน 18 ประเทศ และ 3 โรงงานผลิต
การก้าวไปถึงตำแหน่งผู้นำในตลาด และเป็นอันดับ 3 ของโลก ไฮเซ่นส์ไม่ได้สร้างแค่นวัตกรรม เทคโนโลยี แต่การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก แบรนด์จีนแบรนด์นี้ ทำไม่น้อยกว่าเจ้าตลาด ซัมซุง
ไฮเซ่นส์ออกสร้างแบรนด์ให้คนทั่วโลกจดจำผ่านอีเวนต์ระดับโลก ทั้งการเป็นผู้สนับสนุนหลัก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016, ผู้สนับสนุนการแข่งขันเทนนิส รายการแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น , ผู้สนับสนุนทีมแข่งขันรถสูตร 1 ฟอร์มูล่า วัน เรดบูลล์ , ผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลชาลเก้ 04 ในลีกสูงสุด บุนเดสลีกา เยอรมัน และล่าสุด ไฮเซ่นส์ คือผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2018 ที่กำลังจะระเบิดแข้งขึ้นในกลางปีนี้
สำหรับในตลาดเมืองไทย ชื่อไฮเซ่นส์ อาจจะยังใหม่ต่อผู้บริโภค เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดเพียง 2 ปี และเลือกที่จะทำการขายผ่านเทสโก้ โลตัส เพียงรายเดียว ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดทีวีเพียง 0.5% แต่ปีนี้ถือเป็นปีที่จะสร้างโอกาสในการขายให้กับตลาดทีวี เนื่องจากมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้ไฮเซ่นส์ ในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ คงไม่ทิ้งโอกาสแน่นอน
สี่เฟิง จาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเซ่นส์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะด้านคุณภาพภาพและเสียง การเข้าถึงคอนเทนต์ที่ง่ายและรวดเร็ว ตลอดจนการออกแบบที่สวยงาม พรีเมียม ดังเป้าหมายของแบรนด์ที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่าในราคาที่ผู้บริโภคจับจ่ายออกมา (Best Value for Money)
ในปีนี้ไฮเซ่นส์วางแผนที่สร้างการรับรู้แบรนด์ในตลาดประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ทีวีตั้งแต่รุ่นที่เป็นสมาร์ท ทีวี ขึ้นไป รวมถึงผู้บริโภคที่เน้นคุณภาพของภาพด้วยเทคโนโลยี 4K ด้วยการเปิดตัว 4K UHD Smart Laser TV ขนาด 100 นิ้ว ผลิตภัณฑ์เรือธงของไฮเซ่นส์ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อรองรับกลุ่มที่ชื่นชอบการรับชมภาพที่ความละเอียด 4K ผ่านจอขนาด 100 นิ้วภายในบ้าน โดยเลเซอร์ ทีวีถือเป็นความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่ไฮเซ่นส์พัฒนามาตั้งแต่ปี 2553
ด้าน ฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮเซ่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเซ่นส์ 4K UHD Smart Laser TV เป็นผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความบันเทิงภายในบ้านระดับพรีเมียม รับชมได้อย่างสบายตาในระยะเพียง 4 เมตรจากหน้าจอ ขณะที่หากเป็นทีวีปกติจะต้องรับชมที่ระยะ 9 เมตร เพราะรูปแบบการนำเสนอภาพของ 4K UHD Smart Laser TV นั้นใช้อุปกรณ์ฉาย (TV Console) ด้วยเทคโนโลยี X-Fusion ที่นำเสนอภาพที่คมชัดความละเอียด 4K บนหน้าจอ Ambient Light Rejection ให้แสงธรรมชาติถนอมสายตา ในความสว่าง 3,000 ลูเมน มอบความบันเทิงได้ยาวนานถึง 25,000 ชั่วโมง มีระบบรับสัญญาณทีวีภายใน และระบบปฏิบัติการแบบสมาร์ท ทีวีด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบเสียงของ JBL® ซึ่งมีไวร์เลสซับวูฟเฟอร์ ด้วยหน้าจอที่บางและน้ำหนักเบาเพียง 1/10 เท่านั้นเมื่อเทียบกับทีวี LED ขนาดเท่ากัน ทำให้ติดตั้งได้ง่ายภายในพื้นที่ต่างๆ ของบ้าน จำหน่ายในราคา 399,000 บาท
นอกจากนี้ ไฮเซ่นส์ยังแนะนำผลิตภัณฑ์ทีวีรุ่นใหม่อีก 2 ซีรีย์ 6 โมเดล โดยหนึ่งในนั้นคือรุ่น World Cup Special Edition ซึ่งเป็น ULED TV เพื่อต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลก ประกอบด้วย 65U7A และ 55U7A ให้คุณภาพของภาพในระดับ 4K ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Wide Color Gamut แสดงสีสันได้อย่างเป็นธรรมชาติเสมือนมองด้วยตาเปล่าอย่างแท้จริง ดีไซน์สวยงาม เพรียวบาง ให้ความพรีเมี่ยม ระบบปฏิบัติการ VIDAA U ซึ่งพัฒนาโดยไฮเซ่นส์ที่ควบคุมความบันเทิงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือ UHD TV จำนวน 4 โมเดลได้แก่ 55A6501UW, 65A6501UW, 50A6501UW และ 43A6501UW
“ตลาดผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นตลาดที่ไฮเซ่นส์ให้ความสำคัญเพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยผลิตภัณฑ์ทีวีไฮเซ่นส์นั้นจะให้ความสำคัญกับคุณภาพและเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานจริงของผู้บริโภค มีหลากหลายรุ่นตั้งแต่สมาร์ท ทีวีจนถึง 4K UHD Smart Laser TV ขนาด 100 นิ้ว ควบคู่กับการรับประกันที่ยาวนานถึง 5 ปี ปัจจุบันไฮเซ่นส์มีพันธมิตรด้านการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็งอย่าง เทสโก้ โลตัส และเพาเวอร์บาย ที่เป็นช่องทางการขายที่เพิ่มมาในปีนี้ และในปีต่อไปก็มีแผนที่จะขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภค”
ฉันท์ชาย เชื่อมั่นว่า แนวทางการดำเนินงานทางการตลาดของไฮเซ่นส์ การให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า ความคุ้มค่า และการรับประกัน คาดว่าแบรนด์ไฮเซ่นส์จะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดทีวีในประเทศไทยได้ 10% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดทีวีเมืองไทย 1 ใน 3 อันดับแรก จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแน้วโน้มเลือกซื้อสินค้าที่ให้คุณภาพคุ้มค่ากับราคามากขึ้น ทำให้เชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากขึ้นในอนาคต