มั่นใจพลังงานทางเลือกสดใส “จอมทรัพย์ โลจายะ” ดอดเข้าซื้อหุ้น SUPER เพิ่มพอร์ตตัวเองอีก 60 ล้านหุ้น

3074

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าซื้อหุ้น SUPER ในตลาดหลักทรัพย์รวมจำนวน 60 ล้านหุ้น หลังจากที่ราคาหุ้นปรับลดลง ในระหว่างวันที่ 4-5 เม.ย.61 ที่ผ่านมา ซึ่งประเมินว่าเป็นโอกาสที่ดี เหมาะสำหรับการลงทุน นอกจากนี้ยังมั่นใจในศักยภาพและการเติบโตในอนาคตของบริษัทที่เกิดจากการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแต่ละโครงการทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังมีสัมปทานการขายไฟฟ้าที่ราคา 5.66 บาทต่อหน่วยในระยะเวลา 23 ปี

“ผมขอให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทมั่นใจได้ว่าผมและผู้บริหารตลอดจนพนักงานทุกคนจะร่วมกันมุ่งมั่นทำงานตามแผนงานต่างๆ ที่วางเป้าหมายไว้ เพื่อทำให้ SUPER  เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต และขอยืนยันว่าการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการลงทุนในระยะยาว หากมีจังหวะหรือโอกาสที่ดีก็พร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก ส่วนปัจจุบันก็ถือว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างมาก จึงเหมาะสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงนี้” นายจอมทรัพย์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 740.60 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD ) ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ที่จังหวัดสระแก้ว, โครงการโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์,  โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม เป็นต้น

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าโดยใช้เชื้อเพลิงทดแทนจากสิ่งปฏิกูลที่ไม่เป็นของเสียอันตราย กำลังการผลิตเสนอขาย 9.9 เมกะวัตต์  ใช้เงินลงทุนก่อสร้างราว 1,300 ล้านบาท นั้น บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในช่วงเดือนเมษายน 2561 นี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน 900 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของทุน (EIRR) อยู่ที่ 18-20 %

และนอกจากโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน SUPER ก็จะเข้าร่วมประมูลโครงการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์, การซื้อขายไฟฟ้าในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm รวมไปถึงแผนในการขายไฟการขายไฟฟ้าโดยตรงให้กับลูกค้าในลักษณะ Private PPA ซึ่งน่าจะเริ่มดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประมาณปี 2561 เช่นกัน

ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก กล่าวทิ้งท้ายว่าปี 2561 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 800 – 900 เมกะวัตต์ รวมทั้งมองหาโอกาสในการซื้อกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกเหนือโครงการในปัจจุบัน โดยจะเลือกลงทุนเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเท่านั้น ซึ่งมีประเทศกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มประเทศใน CLMV รวมถึงมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลีย เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563 ตามเป้าหมาย