หลังจากเป็นธุรกิจคู่ชกในบ้านเรามา 5-6 ปี วันนี้ “แกร็บ” ก็เข้าซื้อกิจการ “อูเบอร์” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ข้อตกลงที่ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์การซื้อธุรกิจออนไลน์ในภูมิภาคนี้ โดยแกร็บจะควบรวมกิจการเรียกรถโดยสารผ่านแอพพลิเคชั่นและรับส่งอาหารของอูเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไว้ในแพลตฟอร์มการให้บริการขนส่งและบริการทางการเงินอันหลากหลายของแกร็บ เพื่อก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการแบบ O2O (Online to Offline) และผู้ให้บริการรับส่งอาหารชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับกิจการและสินทรัพย์ของอูเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยในข้อตกลง อูเบอร์จะถือหุ้น 27.5% ในแกร็บ และดารา โคสโรว์ชาฮี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอูเบอร์ ก็จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารของแกร็บ
แอนโธนี่ ตัน ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า “แกร็บ สามารถสร้างแพลตฟอร์มที่คนหลายล้านคนเรียกใช้บริการในแต่ละวัน รวมถึงช่วยสร้างอาชีพให้คนมากกว่า 5 ล้านคนทั่วภูมิภาค การเข้าซื้อกิจการในวันนี้คือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ โดยทำให้ธุรกิจของแกร็บเป็นผู้นำแพลตฟอร์มในภูมิภาคที่สามารถจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ด้วยการร่วมงานกับทีมงานของอูเบอร์เดิม เราจะเพิ่มศักยภาพของเราในการให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ทั้งนี้ ความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้กับบริการเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นของเรา คือแรงบันดาลใจให้เราก้าวพัฒนาบริการอื่นๆ อาทิ บริการรับส่งอาหาร บริการชำระเงินผ่านมือถือ และบริการทางการเงิน ต่อไป เพื่อทำให้ชีวิตผู้คนสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น”
ตัน ฮุ่ย หลิง ผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า “เรากำลังจะเร่งขยายธุรกิจแกร็บฟู้ดไปในทั่วทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไตรมาสหน้า แกร็บจะมอบคุณค่าการให้บริการที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้า พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ และตัวแทน รวมไปถึงพันธมิตรคู่ค้าและร้านอาหารต่างๆ ทั้งนี้ แกร็บฟู้ด จะเป็นอีกหนึ่งบริการที่ผลักดันการใช้งาน ‘แกร็บเพย์’ (GrabPay) ซึ่งเป็นบริการชำระเงินผ่านมือถือของเรา รวมไปถึงช่วยสนับสนุนการเติบโตของแพลตฟอร์มบริการทางการเงินของเราอีกทางหนึ่ง”
ดารา โคสโรว์ชาฮี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอูเบอร์ กล่าวว่า “ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นเครื่องแสดงถึงการเติบโตอย่างเยี่ยมยอดของธุรกิจอูเบอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โดยจะช่วยให้เราสามารถเติบโตมากยิ่งขึ้น ในระหว่างที่เราลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในโลกให้แก่ลูกค้า เราตื่นเต้นที่จะได้ทำงานกับแอนโธนี่และทีมของเขา และพร้อมแล้วที่จะร่วมก้าวใหม่ไปกับแกร็บในอนาคต”
แกร็บในก้าวใหม่ : การพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการ O2O (Online to Offline) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- บริการรับส่งอาหาร : แกร็บจะมุ่งขยายธุรกิจแกร็บฟู้ดเพิ่มอีก 2 ประเทศคือสิงคโปร์และมาเลเซีย จากเดิมที่มีให้บริการอยู่แล้วในอินโดนีเซียและไทย ทั้งนี้ แกร็บมีแผนเปิดให้บริการแกร็บฟู้ดในทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ดำเนินงานอยู่ภายในกลางปีนี้
- บริการเดินทางขนส่ง : แกร็บจะขยายบริการท้องถิ่น พร้อมมอบโซลูชั่นที่มากขึ้นผ่านการร่วมมือกับผู้ให้บริการเดินทางและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้ แกร็บจะสนับสนุนรัฐบาลและผู้ให้บริการขนส่ง เพื่อสร้างเครือข่ายการเดินทางสาธารณะที่หลากหลายในแบบไร้รอยต่อ หลังจากได้ทดลองให้บริการ ‘แกร็บไซเคิล’ (GrabCycle) บริการจักรยานและอุปกรณ์มือถือร่วม และ ‘แกร็บชัตเติ้ล พลัส’ (GrabShuttle Plus) บริการรถโดยสารประจำทางแบบออนดีมานด์ไปก่อนหน้านี้
- บริการชำระเงินผ่านมือถือและบริการทางการเงิน : แกร็บจะมุ่งขยายบริการต่างๆ ภายใต้ ‘แกร็บไฟแนนเชียล’ (Grab Financial) ซึ่งรวมถึงบริการชำระเงินผ่านมือถือ บริการกู้ยืมสำหรับรายย่อย (micro-financing) และบริการประกัน รวมไปถึงบริการอื่นๆ สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน และผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยหลายล้านรายในภูมิภาค ทั้งนี้ บริการ Mobile Wallet ของแกร็บเพย์ จะพร้อมเปิดให้บริการในทุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแกร็บภายในปลายปีนี้
ทั้งนี้ แกร็บและอูเบอร์จะร่วมกันย้ายฐานข้อมูลรายชื่อคนขับและผู้โดยสารจากแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ รวมไปถึงลูกค้าที่สั่งอาหาร ผู้จัดส่ง และพันธมิตรร้านอาหารจากแอพพลิเคชั่นอูเบอร์อีทส์ ไปยังแพลตฟอร์มของแกร็บ โดยแอพพลิชั่นอูเบอร์จะให้บริการต่อไปอีกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้เวลาแก่คนขับในการเข้าไปลงทะเบียนสมัครกับแกร็บทางช่องทางออนไลน์ที่ www.grab.com/th/comingtogether ส่วนแอพพลิเคชั่นอูเบอร์อีทส์ จะให้บริการจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 และหลังจากนั้นข้อมูลรายชื่อทั้งหมดจะถูกถ่ายโอนไปยังแอพพลิเคชั่นของแกร็บ
นับเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์มสัญชาติอาเซียน ที่สามารถควบรวมกิจการของธุรกิจข้ามทวีปจากสหรัฐอเมริกาได้อย่างเบ็ดเสร็จในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแน่นอน ย่อมเป็นการส่งสัญญาณให้ธุรกิจบริการขนส่งและบริการการเงินในบ้านเราได้พึงตระหนักว่า การแข่งขันยกใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น…อีกแล้ว!!