คาดการณ์กันว่าในปี 2561 นี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทยจะมียอดขายรวมทั้งสิ้นราว 900,000 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้อีกประมาณ 3-5% จากปีก่อนที่มียอดขายรวมที่ 871,650 คัน
โดยมีปัจจัยสำคัญคือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลที่ผลักดันให้เศรษฐกิจในภาพรวมประเทศไทยเติบโต บวกกับความมั่นใจของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากแรงเหวี่ยงที่ดีขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมา การเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นของบริษัทผู้ผลิต รวมทั้งเงื่อนไขทางการเงินที่เอื้ออำนวย เช่น ดอกเบี้ยต่ำ การนำเสนอบริการหลังการขายที่ดีขึ้น ฯลฯ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้ง่ายขึ้น
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา” ซีอีโอ กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI
อุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตต่อเนื่อง
“ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้สร้างตำนานงานมอเตอร์โชว์เมืองไทย กล่าวว่า สำหรับปี 2561 นี้ ส่วนตัวประเมินว่าบรรยากาศของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยโดยรวมดีขึ้นอย่างแน่นอน รวมถึงภาคการส่งออกด้วย
ทั้งนี้ เป็นผลจากภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้น บริษัทผลิตรถยนต์ทุกค่ายมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตและทำการตลาดเชิงรุกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคก็อยู่ในแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายได้เตรียมเปิดตัวและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่กันภายในงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” หรือ ที่เรียกกันว่า “งานมอเตอร์โชว์” ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนนี้
“มอเตอร์โชว์ 2018” เริ่มแล้ว 28 มี.ค.-8 เม.ย.นี้
สำหรับปีนี้ “ดร.ปราจิน” บอกว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 39 หรือ The 39th Bangkok International Motor Show 2018 ซึ่งยังคงใช้พื้นที่ของอาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 รวม 12 วัน โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สำหรับวันธรรมดา และเวลา 11.00-22.00 น. สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
โดยคอนเซ็ปต์ของงานในปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “ปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว” หรือ “Revolution in Motion” นำเสนอให้เห็นถึงความก้าวหน้า และการพัฒนาทางเทคโนโลยียานยนต์ที่พัฒนาต่อเนื่องมากว่า 130 ปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาด้านความปลอดภัย การพัฒนาด้านประสิทธิภาพ สมรรถนะ การพัฒนาด้านความสะดวกสบาย ฯลฯ กระทั่งนวัตกรรมเหล่านั้นได้มีบทบาทที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ตอบสนองความต้องการในทุกการเดินทาง รวมถึงการขับเคลื่อนสู่ความเป็นผู้นำแห่งโลกยนตรกรรม
ค่ายรถกว่า 30 แบรนด์แห่ร่วมงาน
“ดร.ปราจิน” ยังบอกด้วยว่า ไฮไลต์ของงานในปีนี้ยังคงเป็นเรื่องของการนำเสนอให้เห็นถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถยนต์ และรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยที่ทุกค่ายเตรียมมาสร้างความตื่นเต้นให้ผู้เข้าชมงาน พร้อมนำรถยนต์รุ่นยอดนิยมมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งการนำเสนอการแสดงโชว์ที่ตื่นเต้นเร้าใจด้วยงบลงทุนมหาศาล
ทั้งนี้ แบรนด์รถยนต์ที่เข้าร่วมงานในปีนี้มีมากถึง 30 กว่าแบรนด์ เริ่มจากค่ายญี่ปุ่น ได้แก่ Toyota, Lexus, Mazda, Honda, Isuzu, Nissan, Mitsubishi, Subaru, Suzuki ค่ายรถเกาหลี 2 แบรนด์ คือ KIA และ Hyundai และค่ายจากประเทศจีน อย่าง BYD
เช่นเดียวกับแบรนด์รถยุโรปและรถอเมริกันก็มาร่วมงานมากมาย อาทิ Audi, BMW, Bentley, Mercedes-Benz, MINI, Jaguar, Porsche, Land Rover, Volvo, MG, Maserati, Ford, Chevrolet ฯลฯ
ทางด้านของรถจักรยานยนต์ก็มีมามากมายหลายแบรนด์เช่นกัน อาทิ Honda, Yamaha, Suzuki, Kawasaki, Harley-Davidson, Triumph, Royal Enfield เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีร้านจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่ง ฟิล์มกรองแสง ล้อแม็ก เบรก เครื่องเสียง รวมไปถึงรถมือสอง ฯลฯ มาให้เลือกสรรเลือกซื้ออย่างมากมายเหมือนเช่นทุกๆ ปี
รวมทั้งปีนี้ยังได้รับความร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการชิ้นส่วน, อุปกรณ์ตกแต่ง จากประเทศจีน มาร่วมงานเป็นครั้งแรก ซึ่งในอนาคตจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของงานที่เติบโตขึ้น จากความร่วมมือในหลายประเทศในภูมิภาคอีกด้วย
“พื้นที่จัดงานตอนนี้เราจัดเต็มหมดแล้ว ซึ่งในอนาคตจะมีขยายเพิ่มบางส่วนบริเวณข้างทะเลสาบ เมืองทองธานี ผมยังมีแนวคิดด้วยว่าถ้ามีพื้นที่จัดงานรองรับได้เพิ่มขึ้น ผมจะเพิ่มกลุ่มรถบรรทุกใหญ่ หรือ Truck รวมถึงกลุ่มรถ Food Truck ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มรถที่มีอัตราการเติบโตที่ดี ดีมานด์ในตลาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน”
ตั้งเป้าผู้เข้าชมงาน 1.4-1.6 ล้านคน ยอดขายรถในงาน 4 หมื่นคัน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกรังด์ปรีซ์ฯ ยังบอกด้วยว่า งานมอเตอร์โชว์ 2018 ปีนี้คึกคัก สนุกสนาน และมีสีสันกว่าปีที่ผ่านๆ มาแน่นอน ทั้งในส่วนของการประชันรถรุ่นใหม่ การแสดงโชว์ของแต่ละค่าย แสง สี เสียงภายในงาน รวมถึงแคมเปญกระตุ้นการขายต่างๆ ของค่ายรถยนต์ที่ตื่นเต้นเร้าใจแน่นอน
“ปีนี้ทุกค่ายอยู่ในบรรยากาศที่แฮปปี้ อยากขายรถ แถมจังหวะและอารมณ์ของผู้บริโภคก็เอื้อต่อการขาย และเชื่อว่าทุกค่ายทุ่มกับการตลาดหมด นี่ขนาดยังไม่ทันถึงช่วงของการจัดงานมอเตอร์โชว์ เราก็เห็นหลายๆ ค่ายทยอยออกแคมเปญเรียกน้ำย่อยกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย 0% แถมประกันภัยชั้น 1 ถึง 2 ปี กว่าจะถึงงานจริง อีกหลายๆ ค่ายคงทุ่มอัดแคมเปญกันไม่ยั้งแน่นอน”
และคาดว่าตลอด 12 วันของงานมอเตอร์โชว์ปีนี้จะมียอดขายรถยนต์ภายในงานรวมประมาณ 40,000 คัน และมีผู้เข้าชมงานราว 1.4-1.6 ล้านคน ใกล้เคียงกับปีก่อนๆ ซึ่งยังคงเป็นงานมอเตอร์โชว์ที่มีจำนวนผู้เข้าชมงานเกินหลัก 1 ล้านคน ซึ่งทั่วโลกมีเพียงไม่กี่งานเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์” ประเทศไทย
“ดร.ปราจิน” ยังฝากถึงผู้เข้าร่วมงานด้วยว่า นอกจากจะได้พบกับสีสันต่างๆ ของงานแล้ว ปีนี้สิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสคือ ความงดงามของดอกไม้หน้างานที่ดีไซน์อย่างปราณีต สวยงาม เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ไม่เพียงเท่านั้น ยังอยากให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน รวมถึงสื่อมวลชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่ได้รับเชิญมาในงานนี้ ได้ร่วมชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยด้วย