แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเริ่มดำเนินการมาเพียง 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 แต่ จันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH Fund ก็เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดและประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถมีกำไรตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา มีอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ 50% ขึ้นไป โดยภาพรวมในปีที่ผ่านมา LH Fund เติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และผลกำไร โดยมีกองทุนภายใต้การบริหารที่สร้างผลงานโดดเด่นและได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์หลายกองทุน โดยเฉพาะกองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล (LHDEBT-D) และกองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (LHFLRMF) มีผลการดำเนินงานดีต่อเนื่องตลอด 5 ปี (ข้อมูล ณ 30 ธันวาคม 2560)
นอกจากนี้ กองทุนของ LH Fund ยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอตามนโยบายที่กำหนดไว้ จากผลการดำเนินงานที่ดีในปีที่ผ่านมาของกองทุนรวม ทำให้ได้รับการไว้วางใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายบุคคลหรือนิติบุคคล ส่งผลให้พอร์ตกองทุน Private Fund มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงกว่า 60%
สำหรับปี 2561 นี้ LH Fund ตั้งเป้าผลักดัน AUM เติบโต 40% จากสิ้นปีที่ผ่านมาเป็นประมาณ 84,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวกองทุนใหม่อีกหลายกองในปีนี้เพื่อผลักดันการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เปิดตัวกองทุน ‘แอล เอช โรโบติกส์-E’ ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติผ่านกองทุนรวมชั้นนำในต่างประเทศ และได้รับการตอบรับเกินความคาดหมายจนต้องยื่นขอเพิ่มทุนจดทะเบียนถึง 2 ครั้ง ล่าสุด เตรียมเปิดตัวกองทุน ‘แอล เอช อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต-E’ (LHEM-E) ซึ่งเป็นกองที่ 2 ของปีนี้ โดยเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) ในเร็วๆ นี้
“เรามีโปรดักค์ครอบคลุมครบทุกความเสี่ยง จากความเสี่ยงต่ำสุดไปจนถึงสูงสุด มีกองทุนที่ติดอันดับมอร์นิ่งสตาร์ นโยบายหลักของเราคือการจ่ายเงินปันผลให้ได้มากที่สุดต่อผู้ถือหน่วย โดยเราจ่ายทุก 2 เดือน ข้อเสียที่จ่ายบ่อยๆ คือ NAV ของเราจะไม่ค่อยโต แต่เราคิดว่าสิ่งที่ดีคือผู้ถือหน่วยได้ประโยชน์ เราให้ผลตอบแทนที่สูงแม้หุ้นจะซบเซา สิ่งนี้ทำให้กองทุนของเราได้รับความสนใจจากนักลงทุน”
ด้าน มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลกว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อโอกาสการลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนทั้งในฝั่งประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นในไทยและต่างประเทศยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยคาดว่าปีนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะขยับขึ้นแตะระดับ 2,000 จุด แต่อาจมีความผันผวนเกิดขึ้นระหว่างทาง ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับเพิ่มประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ดังนั้น ในปีนี้ LH Fund จึงมีแผนเปิดตัวกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง เน้นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศที่มีศักยภาพ หรือผ่านการลงทุนในกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยการคัดเลือกอุตสาหกรรมหรือประเทศที่จะเข้าไปลงทุนนั้น จะพิจารณาจากแนวโน้มระยะยาวหรือ ‘เมกะเทรนด์’ ที่จะเป็นทิศทางขาขึ้นต่อไปได้อีก 3-5 ปีข้างหน้าเพื่อสอดรับกับแนวทางการลงทุนระยะยาว โดยจะใช้กลยุทธ์ ‘Asset Allocation’ ซึ่งเป็นการแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ พร้อมให้คำแนะนำการปรับพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา“ปีนี้คงได้เห็น LH Fund เปิดตัวกองทุนรวมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกการกระจายพอร์ตลงทุน โดยปัจจุบันเรามีทีมงานบริหารกองทุนที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญคอยติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำแนะนำแก่นักลงทุนทุกๆ ไตรมาส ในการปรับพอร์ตเมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม”