โดย พอล เว็บสเตอร์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและสร้างสรรค์แบรนด์ อินสตาแกรม ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก Facebook
เมื่อปี 2560 ได้ผ่านไป เราจึงขอแบ่งปันข้อมูลจากอินสตาแกรมกับสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2561 ซึ่งเป็นข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้ใช้อินสตาแกรมที่เราสังเกตเห็นในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง ด้วยสมาชิกมากถึง 800 ล้านคน
1. ร้านค้าโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวล่าสุด ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หรือเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุด ผู้คนต่างต้องการที่จะติดต่อสื่อสารกับธุรกิจเหล่านี้ นอกจากนี้ ร้อยละ 62 ของกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลยังบอกว่า หากแบรนด์ติดต่อกับพวกเขาผ่านโซเชียลมีเดีย ก็จะเพิ่มโอกาสในการเป็นลูกค้าประจำที่จงรักภักดีต่อแบรนด์นั้น เนื่องจากโซเชียลแพลตฟอร์มกำลังเชื่อมต่อไปสู่การขายสินค้า ในปี 2561 จากการที่แบรนด์ต่างๆ เริ่มได้รับผลประโยชน์จากการเชื่อมต่อนี้ โซเชียลมีเดียจะกลายเป็นแหล่งซื้อขาย และจะช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางโซเชียลได้เป็นอย่างดี
2. วิดีโอ จะมาแรงในปีหน้าแต่จะหายไปในวันพรุ่งนี้ คาดการณ์ว่าในปี 2562 ร้อยละ 72 ของยอดการชมวิดีโอออนไลน์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้กับแบรนด์ต่างๆ ในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างวิดีโอที่น่าสนใจ เราคาดหวังว่าข้อมูลแบบชั่วคราวอย่าง Stories จะได้รับความนิยมมากขึ้น เราคาดหวังที่จะเห็นแบรนด์ต่างๆ กล้าที่จะลองเสี่ยงกับการใช้ข้อมูลแบบชั่วคราว โดยเชื่อมั่นว่าโพสต์ต่างๆ ที่จะหายไปหลังจากระยะเวลา 24 ชั่วโมงนั้น จะช่วยมอบอิสระในการคิดสร้างสรรค์เนื้อหามากยิ่งขึ้น
3. การส่งข้อความ จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับธุรกิจ นอกเหนือจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว เรายังเห็นผู้คนเปลี่ยนวิธีการสื่อสารด้วยการส่งข้อความ ซึ่งเป็นรูปแบบการสื่อสารที่รวดเร็ว ตรงไปตรงมา และเป็นส่วนตัว ร้อยละ 64 ของผู้คนเลือกส่งข้อความเพื่อติดต่อสื่อสารกับธุรกิจ แทนการใช้โทรศัพท์หรือส่งอีเมล์ เราคาดการณ์ว่าจำนวนนี้จะเติบโตขึ้นในปี 2561 และจะเห็นการซื้อขายผ่านการส่งข้อความมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
4. ธุรกิจขนาดเล็ก จะช่วยกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้านการตลาด ความง่ายดายในการจัดการและประสิทธิภาพของโซเชียลมีเดียได้ยกระดับความเท่าเทียมให้กับสนามแห่งการตลาด ซึ่งช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กได้เกิดและเติบโตในระดับโลก โดยในปี 2561 เราคาดว่าบริษัทขนาดเล็กจะยังคงผลักดันที่จะลดขีดจำกัดต่างๆ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับทุกคนในอุตสาหกรรม
5. การเติบโตของตลาดเฉพาะ ในโลกของโซเชียลมีเดีย ผู้คนจากทั่วโลกได้เชื่อมต่อกันผ่านการแบ่งปัน ความสนใจและความชอบที่คล้ายกัน ในอินสตาแกรมประกอบด้วยคอมมูนิตี้ที่มีความสนใจเฉพาะอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งแปลว่ามีกลุ่มผู้ชมที่มีส่วนร่วมสูง มีคุณค่า และสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับแบรนด์ใดก็ตาม
6. การทบทวนประเมินคุณค่าของเนื้อหา ในขณะที่เครื่องมือวัดผลอย่าง “ยอดไลค์” และการแสดงความคิดเห็นนั้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จเชิงการตลาดในโลกโซเชียล การวัดผลที่มีความหมายอย่างแท้จริงคือยอดขายหรือการกระทำเชิงธุรกิจอื่นๆ จากการที่แบรนด์ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ลึกยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พวกเขาสามารถเลือกใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจในเวลาที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายในที่สุด