ทรัพย์สินสำคัญของผู้ที่เพิ่งเริ่มครอบครัวใหม่ส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้น รถ และบ้าน รถที่เราได้ใช้เดินทางไปทำงานทุกวัน คือความจำเป็นที่คนส่วนใหญ่ป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุโจรกรรมด้วยการทำประกันภัย แต่สำหรับบ้าน ที่หากใครซื้อโดยไม่ต้องกู้เงินธนาคาร หรือผ่อนบ้านกับธนาคารไปจนหมดแล้ว หลายๆ คนอาจไม่สนใจทำประกันภัยบ้านต่อเพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ที่ต้องประหยัดเพิ่มขึ้น
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ บริษัทประกันภัยที่นำหน้าในด้านเทคโนโลยี ไม่เพียงแต่ใช้เทคโนโลยีในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับเทรนด์ แต่ยังมีการนำเทคโนโลยีบิ๊กดาต้ามองหาความต้องการของผู้บริโภค มาเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม เฉพาะตัว 
เทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI ในฐานะผู้นำด้าน InsurTech กล่าวว่า ภาพรวมตลาดประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบัน มีแนวโน้มการแข่งขันโดยเฉพาะด้านราคาที่รุนแรงมากขึ้น ภายใต้พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกันภัยไทยวิวัฒน์จึงมุ่งมั่นเดินหน้านำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางตามแนวทาง Thaivivat Innovation Model ด้วยการมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะรายบุคคลที่แตกต่าง (Personalized) รองรับความเสี่ยงทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริง (Reliable) เน้นการใช้งานง่าย สะดวก สบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส (End-to-End) ด้วยแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor เพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภค และสร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง 
โดยในปีนี้ได้เปิดตัว “ประกันรถเปิดปิด Home Plus” ผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุดยอดนวัตกรรมแห่งยุค New Normal พลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันภัยด้วยความคุ้มครอง “รถและบ้าน” จบครบตลอด 24 ชั่วโมงในแผนประกันเดียวรายแรกของประเทศไทย ซึ่งได้ยึดมั่นสโลแกน “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” ในทุกด้าน ทั้งความคุ้มค่าด้านราคา (Value For Money) ที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดถึง 70% และการออกแบบความคุ้มครองและจ่ายเบี้ยตามอัตราการใช้งานจริง สอดรับภาวะเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน
ประกันรถเปิดปิด Home Plus แบ่งเป็น 4 แพ็กเกจ ประกอบด้วย แพ็กเกจ 4 เดือน, 6 เดือน, 12 เดือน และแบบ Top-up ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,899 บาท คุ้มครองครบทั้งรถยนต์ที่มีให้เลือกทั้ง ชั้น1, ชั้น 2+ และชั้น 3+ และความคุ้มครองบ้าน ที่ดูแลความเสียหายจากอัคคีภัยและภัยธรรมชาติ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้การคุ้มครองภัยจากการโจรกรรมทันทีที่สตาร์ทรถออกจากบ้าน เพิ่มความอุ่นใจและเพิ่มความยืดหยุ่นการใช้ชีวิตยุค New Normal ได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น 
“ประกันรถเปิดปิด Home Plus เป็นอีกขั้นของการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมประกันภัยจาก “ประกันรถเปิดปิด” ผลิตภัณฑ์ InsurTech รายแรกของไทย ที่ทำยอดขายทะลุ 100,000 กรมธรรม์ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากจุดเด่นในเรื่องเบี้ยประกันที่ลดลงสูงสุดในตลาดถึง 70% และสามารถทยอยจ่ายเบี้ยตามระยะเวลาการใช้รถจริง ภายใต้การออกแบบการใช้งานแบบ seamless ที่ง่ายสำหรับผู้ใช้รถทั่วไป เพียงสตาร์ทและดับเครื่อง ประกันรถก็จะเปิดและปิดโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งยังให้ความคุ้มครองทั้งตัวรถประกันและตัวบ้านตลอด 24 ชั่วโมง แม้รถจะจอดและปิดประกัน”
อีกจุดเด่นสำคัญของการบริการของประกันรถเปิดปิด ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ คือ สามารถแจ้งเหตุโดยไม่ต้องอธิบายเส้นทาง รวมถึงบริการจองที่จอดรถส่วนตัวล่วงหน้าที่ห้างเซ็นทรัล หรือแม้แต่บริการล้างรถถึงบ้าน ที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor
โดยการเปิดตัว “ประกันรถเปิดปิด Home Plus” มีการมอบโปรโมชันพิเศษ สำหรับผู้ที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม – 30 เมษายน 2564 รับฟรีทันที ในส่วนความคุ้มครองบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ พร้อมรับส่วนลด 50% (สูงสุด 500 บาท) สำหรับค่าบริการช่างซ่อมไฟฟ้า และประปา จาก ServisHero ทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-200-7000 หรือ เว็บไซต์ www.thaivivat.co.th และเช็กเบี้ยอัตโนมัติผ่าน LINE Thaivivat Insurance ได้ที่ @thaivivat
เทพพันธ์ คาดว่า “ประกันรถเปิดปิด Home Plus” จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากตลาดเหมือนเช่นที่ผ่านมา ตั้งเป้ายอดขายประกันรถเปิดปิดเติบโตกว่า 100% ต่อปี ผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งปี 2564 แตะ 6,500 ล้านบาท ทำ New High ต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้
“ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนให้เกิดขึ้นจริง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ซึ่งความพึงพอใจของลูกค้าทั้งราคาเบี้ยที่ลดลงและการบริการที่ตอบโจทย์ ทำให้อัตราการต่ออายุของประกันรถเปิดปิดสูงสุดในตลาดถึงเกือบ 90% และมีการบอกต่อเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดและผลักดันให้ค่าเบี้ยรับรวมในปี 2563 ที่ผ่านมาของไทยวิวัฒน์เติบโตกว่าตลาดถึง 6 เท่าตัว” เทพพันธ์ กล่าว
