เมื่อธุรกิจไม่ผูกติดกับออฟฟิศ! “รีจัส” เร่งเครื่องเปิดห้องทำงานรับเทรนด์

1220

บทบาทของคนกลุ่ม Millennial  กลายเป็นจุดสนใจของนักการตลาดในวันนี้  ผู้ที่เกิดในช่วง พ.ศ.2523-2542 วันนี้คือหนุ่มสาว อายุระหว่าง 19-38 ปี ที่ส่วนหนึ่งกลายเป็นกำลังสำคัญ และอีกส่วนเป็นอนาคตของการขับเคลื่อนธุรกิจ และเศรษฐกิจ

ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจของคนกลุ่มนี้ คือ กว่า 60% ไม่อยากเป็นลูกจ้างองค์กร แต่ต้องการทำงานอิสระ ฟรีแลนซ์ พาร์ทไทม์  ซึ่งในประเทศไทยเห็นได้จากการเติบโตของกลุ่มเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แต่การทำธุรกิจไม่ว่าจะเอสเอ็มอี หรือสตาร์ทอัพ ไม่ใช่การเปิดร้านขายของโชว์ห่วย ที่จะใช้บ้านเป็นสถานที่ทำธุรกิจเบ็ดเสร็จ  การทำงาน ที่ประชุม หรือการเจรจาธุรกิจจำเป็นต้องหาสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งก็คงไม่ใช่ในร้านกาแฟเป็นแน่

ปี 2532 Mark Dixon นักลงทุนชาวอังกฤษ ที่เดินทางไปทำธุรกิจในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ประสบปัญหาหาที่ทำงานในเมืองนี้ หาบิสสิเนสเซ็นเตอร์เพื่อนั่งทำงานไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตทั้งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม ทำให้เขาตัดสินใจลงทุนเปิดบิสสิเนสเซ็นเตอร์ในกรุงบรัสเซลส์เสียเอง กลายเป็นจุดกำเนิดของ รีจัส(Regus) ผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่สำนักงานทั่วโลก ในปัจจุบัน

ในประเทศไทย รีจัส เปิดให้บริการมา 18 ปี โดยพื้นที่สำนักงานให้เช่าแห่งแรก อยู่บนอาคารหรู ซีอาร์ซี ทาวเวอร์ ออลซีซันส์ เพลส ถนนวิทยุ เติบโตขยายพื้นที่เพิ่มจนถึงปัจจุบันมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าถึง 18 แห่ง ใน 4 เมือง  กรุงเทพฯ  , เชียงใหม่, ภูเก็ต และศรีราชา ชลบุรี

โนเอล โค้ก ผู้อำนวยการใหญ่ รีจัส ประจำประเทศไทย ไต้หวัน และเกาหลี กล่าวว่า จากการสำรวจรูปแบบการทำงานขององค์กรทั่วโลก พบว่า 64% สนับสนุนให้พนักงานทำงานในพื้นที่ Co –Working Space มากขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น  โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า คนทำงานในแบบ Flexible ไม่ยึดติดกับสถานที่ทำงานหลัก เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า นอกจากนั้น เทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน , Cloud , Wi-Fi  และแอพพลิเคชั่น ก็เป็นตัวสนับสนุนให้ผู้คนสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานเป็นหลักแหล่งถาวร

รีจัสมีบริการรองรับความต้องการอยู่หลากหลาย ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงานตั้งแต่ 1 คนจนถึง 5 คน , ห้องประชุม, สำนักงานเสมือน, Co-Working พื้นที่ทำงานร่วม, Workplace Recovery สำนักงานสำรองในภาวะฉุกเฉิน

ล่าสุด รีจัส เปิดตัวสาขาที่ 19 ในไทย ณ ชั้น 23 อาคารภิรัชทาวเวอร์  แอท ไบเทค ในกรุงเทพฯ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ในไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โนเอลกล่าวว่า ผลการสำรวจ ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มนักธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่าธุรกิจอุตสาหกรรมไมซ์นั้นมีความต้องการพื้นที่การทำงานที่ให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยกว่า 58% ของพนักงานจะต้องทำงานจากนอกสถานที่อย่างน้อย 2.5 ครั้งต่อสัปดาห์

ปัจจุบันประเทศไทยได้พัฒนากลายเป็นจุดหมายยอดนิยมในการจัดงานประชุมหรือนิทรรศการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยจากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) พบว่า ในปีพ.ศ. 2560 มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์มาท่องเที่ยวในไทยถึง 36,364,467 ราย ซึ่งสร้างรายได้กว่า 179.601 พันล้านบาท และคาดการณ์ไว้อีกว่านักท่องเที่ยวภายในประเทศและนักเดินทางกลุ่มไมซ์จำนวนกว่า 30 ล้านคนจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยถึง 174 พันล้านบาทภายในปี 2561 ในขณะที่ข้อมูลจากศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เผยว่าในปี 2016สามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานได้จำนวน 1,782, 347 ราย และ 2,629,140 ราย ในปี 2017

โดยโนเอล กล่าวว่า  ธุรกิจไมซ์เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  รีจัส จึงได้ขยายสาขาสู่อาคาร ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ๆ เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรองรับธุรกิจไมซ์ที่กำลังเติบโต โดยศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคนั้นได้รองรับผู้เข้าชมงามที่เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีที่รีจัสจะเข้าไปช่วยตอบสนองความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ด้วยบริการของพื้นที่สำนักงานอันหลากหลาย นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไมซ์นั้นสามารถเข้ามาใช้บริการได้เช่นกัน อาทิ บริษัทนำเที่ยว และผู้จัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้า

รีจัส สาขา ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ตั้งอยู่บนพื้นที่สำนักงานกว่า 1,454.7 ตารางเมตร ประกอบด้วยสำนักงานทั้งหมด 109 ห้อง มีพื้นที่การทำงานกว่า 306 ที่นั่ง ห้องรับรองทางธุรกิจ (Business Lounge) ขนาดกว่า 301 ตารางเมตร และห้องประชุมจำนวน 2 ห้อง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรีจัส อีกทั้งรองรับการบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีพนักงานคอยดูแล โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของออฟฟิศตามความต้องการ โดยมีราคาและตัวเลือกต่างๆ ให้เลือกสรร เพื่อให้เพิ่มหรือลดพื้นที่ทำงานตามความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและในอนาคต

โนเอลกล่าวต่อว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่รีจัสเติบโตสูงสุดในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก โดยตนมองว่ารัฐบาลไทยมีการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจที่ดี ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเขามาทำธุรกิจมากกว่าประเทศอื่นๆ รอบข้าง ทำให้รีจัสยังคงมีแผนที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในประเทศไทยด้วยการขยายสาขาที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นอีก 2 แห่งในปีนี้ ได้แก่ เชียงใหม่ ไอคอน ปาร์ค บนถนนมณีนพรัตน์ ในเดือนมิถุนายนนี้ และ โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ในเดือนกันยายนนี้ และจะเพิ่มให้ถึง 100 แห่งภายใน 5 ปีจากนี้