เฮียฮ้อ ปรับกลุยทธ์ ช่อง 8 รับแนวโน้มโฆษณากลับมาโต

1883

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 61 ดูเหมือนจะได้รับความเชื่อมั่นว่าจะกลับมาสดใส เดินหน้าเติบโตแน่นอน ทั้งความชัดเจนที่มีมากขึ้นของการเลือกตั้ง การลงทุนเมกะโปรเจ็กของภาพรัฐ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณบวก

เช่นเดียวกับ เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ที่เชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลทีวีไทยในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4เริ่มเห็นสัญญาณการใช้งบสื่อโฆษณาทยอยฟื้นตัว โดยคาดว่าปี 2561 จะรีบาวด์ดีดตัวกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ในส่วนช่อง 8 แม้วันนี้จะสามารถสร้างเรตติ้งขึ้นมาติดท็อปไฟว์ระดับประเทศ แต่เฮียฮ้อยังมีมองหาโอกาสเติบโตจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะเดินหน้าได้อีก เพราะหากสามารถทำยอดผู้ชมเพิ่มได้ก็สามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาได้ จึงตั้งเป้าสิ้นปี 2561 จะมียอดผู้ชมทะลุ 7 แสนรายต่อนาที สามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มอีก 40% ส่งผลให้มีรายได้พุ่งทะยานแตะหลัก 2,000 ล้านบาท

โดยแนวทางบริหารช่อง 8 ที่สุรชัยวางไว้เพื่อจะบรรลุเป้าหมาย
คือการใช้กลยุทธ์ Primetime Focus ทุ่มงบก้อนใหญ่ดึงสุดยอดคอนเทนต์พรีเมียมระดับคุณภาพทั้งในและต่างประเทศมาลงจอช่วงไพรม์ไทม์ 2 เวลาหลัก คือ เวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 18.00-22.30 น. เพื่อเร่งขยายฐานผู้ชมทั่วประเทศตลอดทั้งปี

ที่ผ่านมา ช่อง 8 ถูกมองว่า ปัจจัยที่ทำให้ช่องอยู่รอดจากวิกฤติต้นทุนบานของทีวีดิจิทัล คือการใช้ต้นทุนการผลิตน้อย คอนเทนต์หลักคือละครขวัญใจชาวตลาดสด ที่ใช้ดาราในสังกัดไม่กี่คนหมุนเวียนเล่นทุกเรื่อง กับราคาข่าวที่ใช้แนวทางการนำเสนอที่ถูกใจชาวบ้านเล่าข่าวแบบบ้านๆ มากกว่าการลงทุนด้านเทคนิคการนำเสนอเหมือนช่องอื่นๆ รวมถึงรายการมวยในประเทศ ขณะที่คอนเทนต์จากต่างประเทศ หนัง ซีรีส์ กีฬา สารคดี มีน้อยมาก

แต่ในกลยุทธ์รับปีใหม่นี้คอนเทนต์ที่ช่อง 8 ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือซีรีส์บอลลีวู้ดที่โด่งดังระดับโลกที่กวาดซื้อมาเสริมทัพเพิ่มขึ้น สานต่อความสำเร็จจากซีรีส์สุดฮิต “หนุมาน สงครามมหาเทพ ” ได้แก่ “วัลลัภ มหาราชย์รักสุดแผ่นดิน” และ “พิฆเนศ มหาเทพไอยรา” ซีรีส์ฟอร์มมหึมาจากอินเดีย ด้านรายการแม่เหล็กเดิม อย่างรายการข่าว ก็มีการเสริมความแกร่งทีมผลิตข่าวต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอข้อมูลครอบคลุมทุกประเภท ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ กีฬา บันเทิง สังคม และอื่นๆ หวังรักษาแชมป์อันดับ 1 รายการข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ต่อไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย” โดยมีรายการไฮไลต์น่าสนใจ ได้แก่ คุยข่าวเช้า, ปากท้องต้องรู้, ข่าวเด่น, คุยข่าวเย็น, คุยข่าวค่ำ และข่าวทุกต้นชั่วโมง

ด้านรายการกีฬา ช่อง 8 เลือกที่จะโฟกัสไปที่รายการมวย กีฬายอดฮิตตัวจริงของคนไทย ตอกย้ำเป็น “คิง ออฟ ไฟต์ สปอร์ต (KING of FIGHT SPORT)” ผู้นำอันดับ 1 กลุ่มรายการมวย ด้วย 3 รายการสุดมันส์เอาใจคอกีฬา ได้แก่ 8 แม็กซ์มวยไทย, มวยไทย แบทเทิ้ล ศึกค่ายชนค่าย และเดอะ แชมเปี้ยน มวยไทยตัดเชือก รวมทั้งได้ลิขสิทธิ์มวยระดับโลกมาถ่ายทอดต่อเนื่องอย่างศึกมวยโลกช่อง 8 HBO Boxing และ UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม

ด้านรายการละคร ก็เริ่มขยายกลุ่มนักแสดง ดึงดารานักแสดงนอกค่ายระดับแม่เหล็กมาร่วมงานเพียบสร้างสีสันใหม่ๆ ให้คอละคร ในเฟสแรกเตรียมผลิตหลากรส 10 เรื่องรวด ได้แก่ บุษบาเปื้อนฝุ่น, เสน่ห์นางครวญ, พยัคฆา, ปมรักสลักหัวใจ, ซิ่นลายหงส์, ดงผู้ดี, พ่อปลาไหล, รักฉันสวรรค์จัดให้, สาปกระสือ และมัจจุราชฮอลิเดย์

ส่วนรายการวาไรตี้ ก็มีการผลิตรายการใหม่ “เกมเรียงเบอร์” เกมโชว์วาไรตี้ดูทุกวันลุ้นเงินล้านทุกวันเจาะกลุ่มครอบครัว ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.20-18.50 น. โดยมี “กิฟต์-วรรธนะ กัมทรทิพย์” และ “คูลเจแนน-กัญดา ศรีธรรมูปถัมภ์” รับหน้าที่พิธีกร รวมทั้งยังมีรายการวาไรตี้อื่นๆ ดึงดูดสายตาคนดู อาทิ ซุปตาร์ตลาดแตก, อึ้ง ทึ่ง เสียว, ครัวลั่นทุ่ง, THE GUEST ตีสนิทคนดัง

แต่ไม่ใช่แค่คอนเทนต์ ที่จะทำให้ช่อง 8 ประสบความสำเร็จได้ ด้านการส่งเสริมการตลาดทั้งกิจกรรมออนกราวน์ และออนไลน์ ก็มีสนับสนุนตลอดทั้งปี อาทิ “ช่อง 8 แอด เฟรนด์ ปี2” ยกขบวนดารานักแสดงร่วมเล่นเกมชิงรางวัลทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล, ซุปตาร์ตลาดแตก ออนทัวร์ บุกตลาดสดมอบความสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งกิจกรรม Hanumaan Run วิ่งบุกกรุง และกิจกรรมมีทแอนด์กรี๊ด Ashish Sharma Fun Meeting เอาใจคอซีรีส์บอลลีวู้ดใกล้ชิดดารานักแสดงชั้นนำระดับโลก

ด้านการสื่อสารผ่านออนไลน์ ปัจจุบันช่อง 8 ได้ขยายฐานผู้ชมออนไลน์ที่เติบโตก้าวกระโดด ด้วยการเชื่อมหน้าจอทีวีกับสื่อออนไลน์ ทั้งเฟสบุ๊ค ยูทูป ไลน์ทีวี และเว็บไซต์ ซึ่งกระแสตอบรับดี โดยเฉพาะนำรายการข่าว, ซีรีส์บอลลีวู้ด และละคร มาไลฟ์สดบนเฟสบุ๊คคู่ขนานไปกับแพลตฟอร์มหน้าจอทีวีมียอดผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อีกทั้งได้วางแผนซื้อสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ท่าอากาศยานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ขอนแก่น, สกลนคร, น่าน ลำปาง ฯลฯ เพื่อตอกย้ำจุดยืน “เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์” ให้ชัดเจนในวงกว้างยิ่งขึ้น ด้าน ตลาดต่างประเทศได้ขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา, เมียนมา, เวียดนาม ฯลฯ เนื่องจากมองเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสขยายตัวสูง ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นได้ขยายฐานผู้ชมก้าวไปสู่ตลาดอาเซียน

วันนี้ภาระอาร์เอสจึงถือว่าเบาตัว ความชัดเจนของทิศทางธุรกิจ ทั้งสื่อทีวีดิจิทัล ที่วางแผนสร้างการเติบโต และธุรกิจเครื่องสำอางที่จะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรให้กับอาร์เอสเป็นกอบเป็นกำ ปล่อยธุรกิจเพลงที่เคยเป็นภาระให้เล็กลงไปเรื่อยๆ

ภาพของอาร์เอส จึงอาจไม่เหมือนที่คุ้นเคย แต่น่าจะถูกใจนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น