หนึ่งในการลงทุนบนกระดานหลักทรัพย์ อย่างกองทรัสต์มีการการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งอาคารสำนักงาน โครงการค้าปลีก คลังสินค้า หรือแม้กระทั่งโครงข่ายโทรคมนาคม ถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสมในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะกองทรัสต์แม้จะมีการเทรดอยู่บนกระดาน แต่ก็เน้นการให้ผลตอบแทนจากการดำเนินงาน มากกว่าการหาผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่วันนี้มีแต่ขาลงเป็นส่วนใหญ่
แต่กองทรัสต์ที่มีหลากหลายทรัพย์สินให้เลือกสรรในการลงทุน ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ว่าทรัพย์สินในกองทรัสต์นั้นๆ มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และยั่งยืนจริงหรือไม่ และกองทรัสต์ CPNREIT ก็น่าจะเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ
“ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท” หรือ “CPNREIT”เป็นกองทรัสต์ค้าปลีกศักยภาพสูงที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในไทย จุดเด่นคือการเป็นกองทรัสต์ของเครือ CPN ยักษ์ใหญ่ในวงการห้างค้าปลีกของเมืองไทย อย่างกลุ่มเซ็นทรัล
ล่าสุด CPNREIT ได้ประกาศยุทธศาสตร์เพื่อก้าวสู่ผู้นำระดับภูมิภาค วางเป้าหมายระยะกลาง 4 ปี เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้าให้เติบโตอีก 40,000 ล้านบาท และผลักดัน Market Cap เพิ่มขึ้นอีก 20,000-30,000 ล้านบาท วางแผนระยะยาว 8 ปี เพิ่มขนาดสินทรัพย์เป็นสองเท่า (Double Asset Size) ผ่านการลงทุนในศูนย์การค้าใหม่ทุก 2 ปี เพื่อเสริมแกร่งผลตอบแทนให้นักลงทุน
นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT กล่าวว่า CPNREIT ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่ผู้นำกองทรัสต์ค้าปลีกชั้นนำระดับภูมิภาค โดยได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจาก บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ผู้พัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์เบอร์หนึ่งของไทย ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารศูนย์การค้ามายาวนาน ในฐานะ Sponsorผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ที่ถือต่อเนื่องมาโดยตลอด พร้อมนำทรัพย์สินเข้ากองเพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ซึ่ง CPN ได้ติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างใกล้ชิด เพื่อมองหาโอกาสพัฒนาศูนย์การค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการและสถานการณ์ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการประเมินโอกาสทางธุรกิจและวางแผนการ Transformation พลิกโฉมโครงการในโลเคชั่นสำคัญ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมและยั่งยืนให้แก่ผู้ลงทุนของ CPNREIT ในระยะยาว
“ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกและบริการในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโต 3-5% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐฯ ควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและสินค้าแฟชั่น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจค้าปลีกและบริการ กลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Economic Drivers) อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายจากนโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย (อ้างอิงข้อมูลจาก SCB EIC)”
นภารัตน์ กล่าวต่อว่า กองทรัสต์ฯ ได้มุ่งเน้นแผนยุทธศาสตร์การเติบโตอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและผลประกอบการของศูนย์การค้า ควบคู่ไปกับการวางแผนลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายขนาดสินทรัพย์ เพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) และเสริมสร้างความมั่นคงของผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อนำ CPNREIT มุ่งสู่การเป็นผู้นำกองทรัสต์ค้าปลีกในภูมิภาค โดยทรัพย์สินในกองทรัสต์มีการกระจายออกไปทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม
โดยเป้าหมายระยะกลางในช่วง 4 ปีข้างหน้า (2568-2571) CPNREIT ตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้าประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) เพิ่มขึ้นราว 20,000-30,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 42,000 ล้านบาท การดำเนินการนี้สอดคล้องกับแผนระยะยาวของ CPNREIT ที่ต้องการเพิ่มขนาดสินทรัพย์เป็นสองเท่าภายใน 8 ปี โดยมีแผนการลงทุนในศูนย์การค้าใหม่เพิ่มเติมทุก ๆ 2 ปี เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในระยะยาว
“ปัจจุบัน CPNREIT อยู่ระหว่างพิจารณาศูนย์การค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะศูนย์การค้าในภาคอีสาน และภาคใต้ ที่ยังไม่มีในกองทรัสต์ โดยจะให้ความสำคัญกับศูนย์การค้าที่มีผลประกอบการที่ดี และอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงในการสร้างการเติบโตของผลตอบแทนของ CPNREIT ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกด้วย” นภารัตน์ กล่าว
นอกจากการมองหาสินทรัพย์เพิ่มเติม ในช่วงที่ผ่านมา กองทรัสต์ฯ ได้มุ่งมั่นพัฒนา และยกระดับทรัพย์สินหลักทั้ง 3 แห่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ประกอบด้วย

1.) โครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ภายหลังการต่อสัญญาเช่าอีก 15 ปี ได้มีการปรับโฉมครั้งใหญ่ (Transformation) เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง (Affluent Demographic) โดยการสร้างสรรค์จุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่โดดเด่นในด้านแฟชั่น ศูนย์รวมอาหาร และแหล่งรวมความบันเทิงที่ดีที่สุดในย่านธนบุรี การปรับปรุงนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดแบรนด์หลัก (Key Anchor Brands) และแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีชื่อเสียง ภายใต้แนวคิด “New Soul of the District” เพื่อเสริมให้โครงการเป็นศูนย์กลางของย่านฝั่งธนบุรี โดยมีงบประมาณลงทุนในส่วนของ CPNREIT ประมาณ 1,100 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2568
2.) โครงการเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ได้มีการพลิกโฉมภูมิทัศน์ค้าปลีก (Retail Landscape) และยกระดับ Master Planning ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Reimagining Lanna” ที่เน้นความหรูหรา มีชีวิตชีวา และศิลปะ (Affluent | Vibrant | Art) และมีไฮไลต์สำคัญ คือ Muji’s First Flagship Store แห่งแรกในภาคเหนือ พร้อมด้วยแบรนด์ดังใหม่ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีการขยายโซนกาดหลวง (Indoor Local Market) ที่ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 3 เท่า รวมเป็น 10,000 ตร.ม. และสร้างโซน Hug Craft & Northern Village เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และโครงการยังประกอบด้วย Convention Hall, Tourist Hub, Multi-Generation Space รวมถึง Go Wholesale สาขาแรกในภาคเหนือ และมีแผนพัฒนาโรงแรมและคอนโดมิเนียมในอนาคต โดยมีงบประมาณลงทุนในส่วนของ CPNREITประมาณ 800 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2569
3.) โครงการเซ็นทรัล มารีนา ได้ประกาศปรับโฉมเป็น “Central Marina Outlet” เอาท์เล็ทแห่งใหม่ล่าสุดในภาคตะวันออก ที่รวมแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำ เพื่อสร้างจุดดึงดูดใหม่สำหรับทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว ให้สามารถมาช้อปปิ้งและพักผ่อนได้จนถึงเที่ยงคืนทุกวันกับ Night Market ที่รวมร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังและร้านค้าต่างๆ กว่า 100 ร้าน ภายใต้แนวคิด “The First Day-to-Night Lifestyle Outlet in Thailand” พร้อมตั้งเป้าจำนวนผู้เข้าใช้บริการที่ 30,000-35,000 คนต่อวัน
นภารัตน์ เชื่อว่า แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศจะยังมีแนวโน้มไม่สดใส แต่ด้วยผลงานของกองทรัสต์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประสบการณ์ของผู้บริหารกอง และความมั่นใจว่าศูนย์การค้าก็ยังคงเป็นศูนย์รวมของผู้บริโภคต่อไปในทุกยุคทุกสมัย จะทำให้ CPNREIT จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยจะมุ่งขยายกลุ่มนักลงทุนไปที่นักลงทุนต่างประเทศที่ยังอาจไม่รู้จัก CPNREIT ด้วยการจัดโรดโชว์แนะนำในต่างประเทศ ชูภาพของกองทรัสต์ขนาดใหญ่ มีความหลากหลายในทรัพย์สิน และมีผลตอบแทนที่ดีถึง 9% จะเป็นจุดดึงดูดให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจได้