ดิจิตอลสตรีมมิ่ง แรงผลักดันสำคัญสู่การเติบโตของอุตสาหกรรมเพลง

256

อุตสาหกรรมเพลงไทยกำลังเข้าสู่ยุคทองของการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากพลังแห่งโลกดิจิทัลที่ทำให้ดนตรีไทยทะยานสู่ระดับโลก พร้อมโกยรายได้มหาศาล โดยปี 2023 ตลาดเพลงไทยขยายตัว 16% เทียบกับปี 2022 แรงขับเคลื่อนหลักมาจาก Digital Streaming คิดเป็น 88% ของการเติบโตทั้งหมด

  1. การเติบโตของ Streaming Platform ตัวจุดชนวนสำคัญ: แพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์เข้าถึงผู้คนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ดนตรีไทยจึงเข้าถึงหูคนฟังทั่วโลกได้ในพริบตาเดียว โดยปี 2023 Streaming Users อยู่ที่ 3 ล้านคน เติบโต 26% จากปี 2022 และการเติบโตของ Digital Streaming ทำให้การคาดการณ์ของมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกของปี 2023-2030 โตได้ถึง 3 เท่า ด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท 

2. การเติบโตของยอด Subscription ของ Youtube ในประเทศไทย การที่ผู้บริโภคยุคใหม่พร้อมจ่ายเพื่อ “ประสบการณ์ดนตรี” ที่เหนือกว่าระดับ เป็นประสบการณ์ฟังเพลงแบบ Premium มอบความสะดวกสบาย คุณภาพเสียงที่ดีกว่า รวมถึงการได้สิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ หรือสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยพบว่าราคาค่าสมาชิก Subscription สูงขึ้นถึง 2 เท่าจาก 99 บาท เป็น 179 บาท และมีโอกาสเติบโตขึ้นต่อได้อีก 3 เท่า หากอ้างอิงตาม Developed Market ประเทศไทยยังคงมีช่องว่างที่ให้ขยายโอกาสเติบโตให้กับอุตสาหกรรมอีกมาก

Penetration เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ของ Midia ยอด subscription ของประเทศไทย จะเติบโตสูงถึง 4 เท่าใน 7 ปี (2023-2030) จาก 3.2% ไปเป็น 11% และยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกเท่าตัว เมื่อเทียบกับประเทศ emerging country อย่างญี่ปุ่นและเกาหลี ที่มียอด subscription penetration อยู่ที่ 25% และ developed country อย่าง Sweden และ United States ที่มียอด subscription penetration อยู่ที่ 45%

3. Music IP: ขุมทรัพย์แห่งวงการเพลงไทยยุคดิจิทัล ยิ่งเยอะ ยิ่งเข้าถึง ยิ่งได้เปรียบ “Music IP” หรือทรัพย์สินทางปัญญาด้านดนตรี กลายเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าที่สร้างโอกาสทางธุรกิจแบบไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะผู้ที่ครอบครอง “Large scale of Content” ที่มีจำนวน MUSIC IP มากกว่า และเป็นที่นิยมสูงกว่า ยิ่งได้เปรียบในการเข้าถึงผู้บริโภคและสร้างรายได้มหาศาล 



Music IP สร้างมูลค่าอย่างไร?

Music IP คือหัวใจสำคัญของการสร้างรายได้จากการเผยแพร่ การนำไปใช้ การดัดแปลง และอื่นๆ อีกมากมาย

คอนเทนต์: เพลง มิวสิควิดีโอ คอนเสิร์ตออนไลน์ Podcast และอื่นๆ ล้วนเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดผู้บริโภค สร้างรายได้ และขยายฐานแฟนคลับ

Large scale of Content = โอกาสทอง เพราะการมีจำนวน IP มหาศาล เปรียบเสมือน “สินทรัพย์” ที่มีมูลค่ามหาศาล และสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว เปรียบเสมือนเหมือนกับ “ขุมทรัพย์ทอง” ที่มีค่าและไม่รู้จักหมด และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาศิลปินเพียงคนเดียว และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

เข้าถึงผู้ฟัง ทุกกลุ่มเป้าหมาย: คอนเทนต์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ฟัง ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสไตล์สร้างประสบการณ์ดนตรี แบบ 360 องศา: ไม่ใช่แค่การฟังเพลง แต่เป็นการ “สัมผัส” ดนตรีในรูปแบบต่างๆ ที่ Premium และแตกต่าง

4. คนไทยฟังเพลงมากกว่าเล่นโซเชียลมีเดีย พลังแห่ง Evergreen Content ที่สร้างรายได้ไม่รู้จบฟังซ้ำ ดูซ้ำ ไม่มีเบื่อ เพลงฮิตสร้างรายได้ข้ามยุคสมัย

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมเพลงไทยมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือพฤติกรรมการใช้เวลากับกิจกรรมด้านความบันเทิงของคนไทย จากการศึกษาของ Luminate Music Consumption Study พบว่าในปี 2566 การฟังเพลงเป็นกิจกรรมความบันเทิงที่คนไทยนิยมสูงสุดถึง 75% ตามด้วยลำดับที่สองคือการเสพคลิปสั้นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ 60% ลำดับสามคือการเล่นโซเชียลมีเดีย และดูคลิปทำอาหารซึ่งครองอันดับร่วมกันที่ 56% แสดงให้เห็นว่าการฟังเพลงคือสิ่งที่คนไทยชื่นชอบและเป็นสื่อที่มีโอกาสในการสร้างรายได้จากคนไทยได้มากที่สุด เพราะพฤติกรรมการฟังเพลงของคนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ “เพลง” ในฐานะ Evergreen Content ที่ไม่มีวันตาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่ เพลงเก่า เพลงไทยล้วนมีเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คน “ฟังซ้ำ” และ “ดูซ้ำ” ได้อย่างไม่มีเบื่อ

– เพลงคือเพื่อนในทุกช่วงเวลา: ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา หรือ สนุกสนาน เพลง คือ “เพื่อน” ที่อยู่เคียงข้างและเข้าใจทุกความรู้สึก

– คุณค่าทางใจที่เหนือกาลเวลา: เพลงฮิตมักมีเนื้อหา ท่วงทำนอง หรือความทรงจำที่เชื่อมโยงกับผู้ฟัง สร้าง “คุณค่าทางใจ” ที่คงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

– Digital Platform ยิ่งเสริมพลัง: การเข้าถึงเพลงที่ง่ายและสะดวก ผ่าน Streaming Platform ต่างๆ ยิ่งทำให้เพลงฮิตเข้าถึงผู้ฟังได้กว้างขวางและต่อเนื่อง

ตัวอย่างเพลงฮิตที่ ‘ดังข้ามยุคสมัย’ ระดับโลก: The Beatles, Mariah Carey, Michael Jackson ศิลปินระดับตำนานที่เพลงฮิตของพวกเขายังคงได้รับความนิยม และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ระดับไทย: เบิร์ด ธงไชย, Bodyslam, ปาล์มมี่, Cocktail, อะตอม, Three man down เพลงของพวกเขาเป็นที่จดจำและร้องตามได้ทุกเพศทุกวัย

ยิ่งกว่านั้น หากเจาะลึกไปที่พฤติกรรมการฟังเพลงแล้ว พบว่าคนไทยชื่นชอบการรับชม MV (มิวสิควิดีโอ) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งที่ 87% แซงหน้าการฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ซึ่งคว้าลำดับสองที่ 68% ตามด้วยการรับชมคลิป MV สั้นผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อาทิ TikTok, FB/IG Reels หรือ Shorts ของ YouTube ที่ 61% นอกจากนั้น ยังมีการฟังเพลงผ่านวิทยุ และการฟังเพลงผ่านแผ่นซีดีที่หลายคนคิดว่าตายไปแล้ว กลับคว้าอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ เห็นได้ว่ายิ่งโซเชียลมีเดียก้าวหน้ามากเท่าไหร่ การฟังเพลงก็เติบโตสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงเพลงที่กว้างขวางมากขึ้น

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง: โลกดิจิทัลเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงดนตรีได้ง่ายและสะดวกกว่าที่เคย สร้าง “ฐานผู้ฟัง” ที่ใหญ่ขึ้น และกระจายตัวไปทั่วโลก Music IP คือขุมทรัพย์: ลิขสิทธิ์เพลง ศิลปิน และคอนเทนต์ ล้วนเป็น “ทรัพย์สิน” ที่มีมูลค่ามหาศาล สามารถต่อยอดและสร้างรายได้ในหลากหลายช่องทาง เทคโนโลยี คือตัวขับเคลื่อน: แพลตฟอร์ม Streaming, Social Media และเทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยให้ศิลปินเข้าถึงแฟนเพลงได้ง่ายขึ้น สร้าง Engagement และโอกาสทางธุรกิจที่ไม่สิ้นสุด ธุรกิจเพลงไม่ใช่ Sunset แต่เป็น Sunrise!

ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง “เปลี่ยนมุมมอง”  และมองเห็น “ศักยภาพ” ที่แท้จริงของธุรกิจเพลงในยุคดิจิทัล