เช็กด่วน! สัญญาณเตือน “โรคกระดูกสันหลังส่วนคอ” ภัยร้ายใกล้ตัว

274

นพ.ชุมพล คคนานต์ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังแห่งแรกในประเทศไทย เผยว่า กระดูกสันหลังของมนุษย์ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก ได้แก่ กระดูกคอ (Cervical spine), กระดูกช่วงอก (Thoracic spine), กระดูกช่วงเอว (Lumbar spine), กระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ (Sacrum) และกระดูกก้นกบ (Coccyx) แต่จุดที่มักพบปัญหาได้บ่อยที่สุดคือบริเวณคอ ช่วงอก และเอว ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอย่างมาก โดยเฉพาะกระดูกคอ ที่เป็นชุมทางสำคัญของไขสันหลังและเส้นประสาทที่เชื่อมโยงกับแขนและขา

กระดูกสันหลังส่วนคอ เป็นโครงสร้างที่ละเอียดอ่อนและสำคัญ เนื่องจากทำหน้าที่รองรับไขสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการควบคุมของร่างกาย ไขสันหลังในบริเวณนี้จะส่งสัญญาณประสาทไปยังแขน ขา และอวัยวะต่างๆ เช่น ปอดและหัวใจ การกดทับในบริเวณนี้อาจส่งผลรุนแรง เช่น อาการชา อ่อนแรง หรือสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ในทางกลับกัน หากปัญหาอยู่ที่กระดูกช่วงเอว ผลกระทบส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเฉพาะที่ขา เช่น อาการปวดร้าวลงขา อาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง การประเมินอาการอย่างถูกต้องจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะลักษณะของปัญหาจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่กระดูกสันหลังมีปัญหา อย่างไรก็ตาม สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรละเลย เช่น

1.ปวดคอร่วมกับอาการชา: โดยเฉพาะอาการที่ชาจากส่วนบนของร่างกาย เช่น แขน หรือร้าวลงถึงปลายนิ้วมือ

2.ปวดหลังร้าวลงขา: หากมีอาการปวดร้าวจากหลังลงไปถึงขา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง การขับถ่ายผิดปกติ

3.ปวดเรื้อรัง: หากปวดนานเกิน 2-3 เดือน และการรักษาเบื้องต้น เช่น การกินยาหรือกายภาพบำบัดไม่ได้ผล

การนวดอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดอาการปวดได้ แต่การนวดไม่สามารถรักษาอาการที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกสันหลังหรือเส้นประสาทได้ เช่น กรณีของหมอนรองกระดูกปลิ้น กระดูกสันหลังเคลื่อน หรือไขสันหลังอักเสบ และหากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจนำไปสู่ผลเสียที่ร้ายแรงได้ เช่นในกรณีที่มีหมอนรองกระดูกปลิ้นหรือโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ การนวดแรงๆ อาจทำให้เกิดแรงกดเพิ่มเติมที่เส้นประสาทหรือไขสันหลัง ส่งผลให้อาการปวดหรือชารุนแรงขึ้น หรือการบิดหรือดัดกระดูกแรงๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกพรุน อาจทำให้กระดูกแตกร้าวหรือเกิดการบาดเจ็บรุนแรงได้ และหากมีการอักเสบอยู่แล้ว เช่น โรคไขสันหลังอักเสบ การนวดในบริเวณนั้นอาจทำให้อาการแย่ลง

นพ.ชุมพล เผยว่า หัวใจหลักของการรักษาโรคกระดูกสันหลังไม่ว่าจะส่วนคอหรือส่วนหลังที่ต้นเหตุ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยให้หายขาดและยั่งยืน การรักษาที่เน้นสาเหตุของโรคมากกว่าการรักษาตามอาการด้วยนวัตกรรมเฉพาะทาง ช่วยให้หายจากอาการปวดต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งพายาแก้ปวดอย่างต่อเนื่อง เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ การวินิจฉัยที่แม่นยำด้วยเทคโนโลยี MRI และ X-ray โดยเทคนิคเฉพาะ สามารถปรับเป็นท่ายืนได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคกระดูกสันหลัง ในกรณีที่มีอาการผิดปกติทางกระดูกสันหลัง เช่น ปวดคอ ปวดหลังร้าวลงขา หรือปวดโดยไม่ทราบสาเหตุ การตรวจด้วยเครื่อง MRI จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ แต่ต้องอ่านผลควบคู่กันกับการ X-ray เพราะจะทำให้เห็นโครงสร้างกระดูกสันหลังได้ชัดเจน

นอกจากนี้ ที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ ยังมีเครื่อง MRI แบบยืน (Standing MRI) เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถเข้าไปยืนหรือนั่งตรวจได้เพื่อให้มีแรงกดลงในแนวดิ่งเสมือนการยืนแล้วทำให้มีอาการปวดหลัง โดยแพทย์สามารถเห็นภาพการตรวจที่ใกล้เคียงสภาพความเป็นจริงของผู้ป่วยได้มากขึ้น อีกทั้งผู้ที่มีภาวะกลัวที่แคบก็สามารถตรวจได้ โดยรูปร่างของเครื่องจะมีลักษณะเปิดโล่งด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง และปรับให้ยืนได้ ซึ่งต่างจากเครื่อง MRI แบบอุโมงค์