INETREIT ชูศักยภาพ “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัล” รับเทรนด์ AI และ Platform Service Solution

418

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด ชูศักยภาพเป็น “กองทรัสต์นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” รองรับดีมานด์คลาวด์ – ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

สุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า INETREIT เป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในประเทศไทยที่เข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด โดยเข้าลงทุนตรงในทรัพย์สินประเภท Data Center ทั้งหมด โดยทรัพย์สินของกองทรัสต์จัดอยู่ในหมวดหมู่ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในเมกะเทรนด์ด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต จากการเพิ่มขึ้นของดีมานด์การเก็บและใช้ข้อมูล กฎหมายและกฎระเบียบที่กำหนดพรมแดนในการจัดเก็บข้อมูล และสัดส่วนการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงผู้เช่าของ INETREIT เป็นผู้ประกอบธุรกิจคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำ และมีแนวโน้มเติบโตสูง รวมทั้งมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 สำหรับ Local Cloud Service Provider ในประเทศไทย นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนของกองทรัสต์ในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโต โดยมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับดีมานต์คลาวด์ที่เติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ INETREIT ประเมินภาพรวมตลาดคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 4.8% และมูลค่าตลาด Public Cloud ในประเทศไทย คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 19.5% ในช่วงปี 2567-2570 ซึ่งมาจากการเติบโตของความต้องการเก็บและใช้ข้อมูล เช่น Big Data, IoT, 5G, AI, Remote work, Teleconference, Audio Visual Streaming การเติบโตของธุรกิจดิจิทัล E-commerce ต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลในการส่งเสริม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้เทคโนโลยี AI ที่มากขึ้น การมีข้อกำหนดให้จัดเก็บข้อมูลของพลเมืองและข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจภายในพรมแดนประเทศ และการเติบโตของจำนวนประชากรในประเทศ รวมถึงทักษะด้านดิจิทัลและสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้มีความต้องการใช้บริการคลาวด์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

นอกจากนี้  AI, Machine Learning และPlatform service solution ที่เป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของคลาวด์และธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์อย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจาก AI และ Platform Service Solution จำเป็นจะต้องใช้คลาวด์เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว และการจัดเก็บข้อมูลทรัพยากรที่มีปริมาณมาก เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ขนาดใหญ่

ทั้งนี้ แม้ว่าในปัจจุบันมีความท้าทายด้านการแข่งขันจากผู้ให้บริการต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แต่กองทรัสต์มั่นใจว่า ผู้เช่า มีจุดแข็งและข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน จากการให้บริการและสนับสนุนลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถให้บริการแบบ 7 วันตลอด 24 ชั่วโมง (24/7) นอกจากนี้ ผู้เช่า สามารถให้บริการที่ตรงความต้องการของลูกค้า ผ่านการออกแบบการให้บริการทั้ง การจัดเก็บข้อมูล, การประมวลผล, การรักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ

สุตกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังว่ายังมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการขยายตัวของผู้เล่นในอุตสาหกรรม และคาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งการใช้งานคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่ต้องมีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก และการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านนโยบายและโครงการต่างๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจในไทยก็เริ่มมีการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การใช้คลาวด์ในการพัฒนา Internet of Things (IoT) และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมนี้

“INETREIT เป็นกองทรัสต์กองแรกและกองเดียวในไทยที่ลงทุนในสินทรัพย์เทคโนโลยีโดยตรง ทำให้เราเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ นอกจากนี้ INETREIT ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเป็นแหล่งเงินทุนให้ผู้ให้บริการไทยพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ แผนการลงทุนของกองทรัสต์จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”  สุตกานต์ กล่าว