OPPLE Lighting ประกาศส่งสมาร์ทไลท์ติ้ง บุกตลาดไทย ตั้งเป้า 5 ปี ขึ้นแท่น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดหลอดไฟ

782

หาน ซิ่งจ้าย ผู้จัดการทั่วไปของสาขาต่างประเทศ บริษัท ออปเปิ้ล ไลท์ติ้ง จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่การก่อตั้ง OPPLE ในปี 2539 การเดินทางของ OPPLE เกิดจากการเติบโตและการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทและพันธมิตร รากฐานของบริษัทถูกสร้างขึ้นบนหลักการในการช่วยเหลือผู้อื่น และหลักปฏิบัตินี้มีส่วนสำคัญในวิวัฒนาการของบริษัททั้งในระดับโลก โดยปัจจุบันออปเปิ้ลเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งในประเทศจีน ความสำเร็จของออปเปิ้ลมาจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ให้บริการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า และเป็นผู้บุกเบิกสินค้านวัตกรรมและนำเทรนด์ตลาด ปัจจุบันมีสินค้าจำหน่ายในมากกว่า 70 ประเทศ โดยตลาดหลักยังคงเน้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศตะวันออกกลาง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยเราได้เข้ามาทำตลาดมาประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งบริษัทจะทำงานคู่กับผู้แทนจำหน่าย และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพให้กับพันธมิตรของบริษัท โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของ OPPLE สู่ความเป็นเลิศและความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น ความสัมพันธ์ของบริษัทกับตัวแทนในตลาดประเทศไทยถือเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จ OPPLE ความร่วมมือเหล่านี้สร้างขึ้นจากความไว้วางใจ การเคารพซึ่งกันและกัน และวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันช่วยให้ OPPLE สามารถขยายฐานลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ตัวแทนของบริษัทซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกในตลาดท้องถิ่นและความเข้าใจถึงความแตกต่างในท้องถิ่นถือเป็นปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยOPPLE ปรับข้อเสนอแนะ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทไม่เพียงตอบสนองได้ แต่ยังเกินความคาดหวังของลูกค้า การทำงานร่วมกันนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนผลการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำชื่อเสียงของ OPPLE อีกด้วย

“วิสัยทัศน์ของเราไม่เพียงแค่เน้นการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น ที่ออปเปิ้ล ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพให้กับพันธมิตรของเรา ด้วยการจัดสรรเครื่องมือ ทรัพยากร และการสนับสนุนที่จำเป็น เราไม่หยุดยั้งที่จะหาโอกาสในการขยายการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรม การตลาด หรือการร่วมมือทางเทคโนโลยี เพื่อให้เราเติบโตและประสบความสำเร็จร่วมกัน” หาน ซิ่งจ้าย กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทมีแผนจะนำสินค้าให้กลุ่มสมาร์ทไลท์ติ้งหรือหลอดไฟอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยแต่งตั้งให้บริษัท เกาอาน จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายระบบไฟฟ้าในไทยมากว่า 70 ปีเป็นตัวแทนจำหน่ายในร้านขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าของพันธมิตรที่มี 700 รายทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดหลอดไฟในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 3-5% และเทรนด์การใช้งานหลังจากนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากหลอดแอลอีดีไปสู่สมาร์ทไลท์ติ้ง พร้อมตั้งเป้าหมายใน 5 ปี เป็น 1 ใน 3  ของผู้นำตลาดหลอดไฟในไทย

อุตสาหกรรมแสงสว่างของประเทศไทยถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง มีความโดดเด่น โดยมีศักยภาพตลาดที่สูง มีการพัฒนาการค้าที่รวดเร็ว และมีโอกาสมากมาย โดยเฉพาะในงานโครงการที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งนโยบายของ OPPLE ในการเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศไทย ประกอบด้วย การส่งเสริมการขายส่ง ,การปรับปรุงการแสดงสินค้าในร้าน และแนะนำร้านค้าต้นแบบของOPPLE (OPPLE Model Shop), การเน้นการพัฒนางานโครงการ และมุ่งขยายช่องทางการจัดจำหน่าย 

ดวงสมร ตะล่อมสิน

ด้าน ดวงสมร ตะล่อมสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกาอาน จำกัด กล่าวว่า เกาอาน ดำเนินธุรกิจเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าประเภทอุปกรณ์ด้านไฟฟ้า ได้แก่ สายไฟ สายเคเบิ้ล ปลั๊กไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อย่างครบวงจรมาตั้งแต่ปี 2490 ซึ่งมากกว่า 70 ปี เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์หลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างของออปเปิ้ลไลท์ติ้งรายเดียวในประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่าง OPPLE LIGHTING ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ สินค้าของ OPPLE LIGHTING เกาอานได้เลือกหลอด LED BULB OPPLE มาทำการตลาด เพราะมั่นใจในสินค้า และคุณภาพ เนื่องจาก OPPLE  มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ของตัวเอง จึงได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ  แสงสวย ถนอมสายตา ปลอดภัยต่อการใช้งาน มีค่าแสงสว่าง ตรงตามความต้องการของลูกค้า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานเดียวกันกับที่ส่งออกไปต่างประเทศ ด้วยความเป็นบริษัทหลอดไฟ อันดับ 1 ของจีน เกาอานจึงเลือกที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง OPPLE 

ถ้าเรื่องของ Lighting หรือแสงสว่าง ต้องนึกถึงเกาอาน เพราะเกาอาน มีทีมขาย ทีมขนส่ง ครอบคลุม ทั่วประเทศ มีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี มีบริการหลังการขาย สามารถส่งของได้ตรงเวลา มีการพัฒนาบุคลากรอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่เป็นดีลเลอร์ของเกาอาน สามารถจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ทำส่วนลดรายเดือน-รายปี สามารถสะสมยอดขายได้ และที่สำคัญจะไม่เกิดการแข่งขันกันเองระหว่างดีลเลอร์  แต่มีการเติบโตต่อไปในอนาคตร่วมกันกับเกาอาน” ดวงสมร กล่าว