NRF ประกาศแผนกลยุทธ์ปี66 เปิด “แพลตฟอร์มเพื่อผู้ส่งออกไทย” พาแบรนด์อาหารไทยชนะใจคนทั่วโลกด้วยเทคโนโลยี AI

211

ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นพื้นที่ของวัฒนธรรมอาหารที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ต้มยำ ส้มตำ หรือผัดไทย ที่เพิ่งจะได้รับการบรรจุเป็นชื่อสากลบน Oxford Dictionaries   ถือเป็นอาหารที่หลายๆคนบนโลกเคยลิ้มลอง และยกนิ้วให้ เช่นเดียวกับชานมเย็น เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ที่อร่อยเป็นอันดับ 7 ของโลก รวมไปถึงหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปรุงอาหารจากประเทศไทย NRF ที่ประสบความสำเร็จในการนำสินค้าไทยออกไปสู่ตลาดโลกกว่า 30 ประเทศ 

NRF เป็นผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร รวมถึงอาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช และเครื่องดื่มชนิดผงและน้ำ ปัจจุบันส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งบริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตอาหารได้รับการรับรอง Carbon Neutral รายแรกของประเทศไทย 

แดน ปฐมวาณิชย์

แดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวว่า หัวใจสำคัญของ NRF คือ Food for Generations วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผลิตอย่างมีมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อทุกเจเนเรชั่น  โดยในปีนี้เราจะขับเคลื่อนธุรกิจของ NRF เพื่อการต่อยอดธุรกิจภายใต้กลยุทธ์  D2C (Direct-to-consumer) เนื่องจากเล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตของ ผู้บริโภคในโซนยุโรป โดยมูลค่าการบริโภคร้านอาหารเอเชียอยู่ที่ 7,100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ  และตลาดอาหาร ชาติพันธุ์ (Ethnic Food Market) มีมูลค่าอยู่ที่ 2,990,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้บริโภคกลุ่ม อาหารชาติพันธุ์กว่า 90% เลือกที่จะบริโภคอาหารกลุ่มนี้ที่บ้าน แนวโน้มนี้ทำให้ NRF ได้วางแผนกลยุทธ์ในการรุกตลาดไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย

1. ธุรกิจ eCommerce ต่อยอดสู่ Omni Channels

การเสริมแกร่งทางด้านธุรกิจ eCommerce เพื่อต่อยอดสู่ Omni-channels food retailing ครั้งแรกในไทย – พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการส่งออกครอบคลุมทั้งออนไลน์ที่เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซและต่อยอดสู่ Omni-Channels ที่เป็นร้านจำหน่ายสินค้าเอเชีย (Asian Grocery Store) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงและกว้างขวาง เพื่อดันยอดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ของ NRF ทั้งยังเสริมศักยภาพการแข่งขันให้แก่สินค้าเอเชียในตลาดยุโรป ทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสให้แก่ผู้ส่งออกไทยทั้งรายใหญ่และรายย่อย ที่สามารถส่งออกสู่ตลาดยุโรปโดยผ่านคนกลาง ซึ่ง NRFตั้งเป้าหมายลูกค้าต้องเป็นที่หนึ่ง ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัย เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภค ทำให้จุดมุ่งหมายในปีนี้ ของเราเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ สำคัญในการพัฒนาและขยายธุรกิจของ NRF โดยกลยุทธ์นี้จะเชื่อมต่อ ให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ นั่นคือการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่จะทำให้ผู้บริโภค เข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของเอเชียได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในธุรกิจ

“ในปี 2023 เราตั้งเป้ารายได้ราว 3-4 พันล้านบาท  โดยแผนการขยายธุรกิจของ NRF เราเล็งเห็นถึงโอกาสในการ พัฒนาในช่องทาง eCommerce และต่อยอดสู่ Omni-Channel โดยการเปิดร้านจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์จาก เอเชีย (Asian Grocery Store) และมีแผนจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมทัพธุรกิจ เพื่อยกระดับประสบการณ์ ของลูกค้า ซึ่ง flagship store สาขานำร่องจะเริ่มในประเทศอังกฤษจำนวน 4 สาขาในปีนี้ และคาดว่าจะมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความคืบหน้า ณ ขณะนี้ ทางบริษัทฯ กำลังเจรจา LOI (Letter of intent) กับร้านค้าอยู่ 2 แห่ง ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ” แดน ปฐมวาณิชย์ กล่าว 

NRF เห็นถึงปัญหาการส่งออกในประเทศ ที่ยังคงมีปัญหาจากการขาดแพลตฟอร์มเพื่อช่วยอุตสาหกรรม ส่งออก  จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะพัฒนาและนำ Big Data มาต่อยอดแผนการตลาด นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่บริษัทฯ จะสามารถพลิกให้เป็นโอกาสในการช่วยผู้ส่งออกและเกษตรกรไทย ด้วยการพัฒนา ช่องทางออนไลน์ผ่าน eCommerce ต่อยอดสู่ Omni-Channels อย่างครอบคลุมโดยการสร้าง และการเปิดร้านค้า เพื่อจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เอเชีย เชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมจะร่วมเป็นทางออก 

สำหรับมูลค่าการส่งออกของสินค้าเกษตรและสินค้าอาหารของไทยในปี 2565 มีมูลค่าอยู่ที่ 1,553,822 ล้านบาท  และในปี2566 ตลาดส่งออกมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราว 10,281,109,608 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 2%  นับเป็นโอกาสในการรุกตลาดส่งออกยิ่งขึ้นเพื่อดันรายได้ให้แก่ธุรกิจหลักของ NRF 

2. ธุรกิจ Specialty Food 

2.1) ดันซอสศรีราชาเป็น Product champion การขยายฐานการผลิตโรงงานซอสพริกศรีราชาในสหรัฐ อเมริกา เพื่อเป็น local product ที่มีคุณภาพ ได้สัมผัสรสชาติซอสพริกสูตรดั้งเดิมที่แท้จริง สอดรับกับตลาดซอสพริกที่สหรัฐอเมริกาซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 101,200 ล้านบาท เติบโตกว่า 33% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตซอสระดับสากลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับ NRF

 

2.2) ชูผลิตภัณฑ์ Pet Food ส่งออก 5 ประเทศชั้นนำ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย อินเดีย และ กลุ่มตะวันออกกลาง อีกทั้งยังมีแผนที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์เข้าสู่ Modern Trade อีกหลาย ประเทศ สอดรับกับตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงโปรตีนทางเลือกที่มีส่วนแบ่งการตลาด 23.4% เมื่อเทียบกับ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสูตรทั่วไป และในอนาคตผลิตภัณฑ์ อาหารสัตว์เลี้ยงทางเลือก จะมีอัตราความต้องการที่มากขึ้น อย่างต่อเนื่อง

3. ธุรกิจ Climate Action – การขับเคลื่อนบริษัทสู่เป้าหมาย Net Zero

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารที่มีวิสัยทัศน์ในการใช้อาหารต่อสู้กับโลกร้อน Food Fighting Climate Change ที่ต้องการเปลี่ยนโลกให้ยั่งยืนด้วยธุรกิจ Decarbonization ที่ได้เข้าลงทุนใน frontline technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนขั้นสูงที่ได้รับรางวัล X Prize Award ที่มีเป้าหมายมาจากการความต้องการที่จะแก้ปัญหาและลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนจากอุตสาหกรรมอาหาร โดยเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดย่อมนี้ เรามีแผนตั้งจังหวัดลำพูน ที่นับเป็นต้นน้ำที่สำคัญของบริษัท ซึ่งผลิตภัณฑ์  Bio Carbon มีส่วนช่วยในการพัฒนาดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ส่งเสริมให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพและสามารถดักจับคาร์บอนในกระบวนการเกษตร  อีกทั้งเรายังมีเป้าหมายเพื่อลดการเผาของเกษตรกร และเล็งเห็นโอกาสให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอีกด้วย

“หลังจากพัฒนาและขยายธุรกิจกว่า 6 ปี วันนี้ NRF ได้สร้างบริษัทฯได้อย่างแข็งแกร่งและเติบโตมาโดยตลอด ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ปรุงอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร ที่นับจุดแข็งอยู่ที่รสชาติคู่ครัวไทยส่งออกไปยังครัวโลก และประสบการณ์ด้านอีคอมเมิร์ซทั้งในและนอกประเทศ โดยในปีนี้ เรามีเป้าหมายสำคัญที่จะรุกตลาดส่งออกมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมแกร่งให้แก่บริษัทยิ่งขึ้น และเรามุ่งมั่นที่จะเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่จะสามารถสร้างโอกาสและเป็นทางออกให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกของไทยให้มีประสิทธิภาพ และสร้างประสิทธิผลสูงสุดให้กับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่ง NRF ยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และพร้อมที่จะผลักดันคู่ค้า พันธมิตร และบริษัทในเครือ ให้ร่วมพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ใช้อาหารต่อสู้กับโลกร้อน” พร้อมทั้งการพัฒนาและต่อยอดอาหารที่ดี เพื่อทุกคน ทุกเจเนอเรชั่น เพื่อเป็นผู้นำอุตสาหกรรม ผลิตอาหารชั้นนำบนพื้นฐานด้าน ESG พร้อมขับเคลื่อนบริษัทไปสู่เป้าหมาย Net Zero Emission ภายในปี 2573 เพื่อเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ” แดน ปฐมวาณิชย์ กล่าว