ไม่อยากตกเทรนด์ Digital Marketing 2566 ทำยังไงดี?

522

การแข่งขันที่ดุเดือดในโลกการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) มีแต่จะท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ จะใช้เม็ดเงินโฆษณายังไงให้คุ้มค่าที่สุด เฟ้นหาแพลตฟอร์มที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อและกลายเป็นรายได้เข้ากระเป๋าขององค์กร การทำการตลาดดิจิทัลให้สำเร็จ นักการตลาดและแบรนด์จะต้องรู้และเท่าทันเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ภคศุภ เพ็ชรดี

“ภคศุภ เพ็ชรดี” ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัทดิจิมัสเกตเทียส์ จำกัด ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเอเจนซีแถวหน้าของเมืองไทย ชี้ 5 เทรนด์สำคัญที่จะเห็นในการทำการตลาดดิจิทัลในปี 2566 ว่า ปีหน้าจะเห็นการใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่จะเน้นโฆษณาในเฟซบุ๊กเป็นหลัก ก็จะเป็นการกระจายเงินยิงโฆษณาผ่านสื่ออื่นๆ เช่น TikTok อินสตราแกรม กูเกิล มากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่รับข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างกัน 

โดย TikTok แพลตฟอร์มที่มาแรงตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ก็จะเป็นเทรนด์ฮิตต่อไปในปีหน้าต้นทุนการลงโฆษณาบน TikTok จะถูกกว่าเฟซบุ๊กมากเมื่อเทียบราคาต่อหน่วย ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมองเห็นโฆษณาได้มากกว่า และช่องทางนี้เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการโปรโมตสินค้ากับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่หรือ Gen Z รวมถึงมีการพัฒนาฟีเจอร์มารองรับการทำคอนเทนต์แบบยาวที่เพิ่มเติมจากเดิมอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในปี 2566 ที่กำลังจะมาถึง

ขณะเดียวกัน จะเห็นแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้แพลตฟอร์มเดิมมากขึ้น เช่น เว็บไซต์ และโมบาย แอปพลิเคชัน 

 “แบรนด์ที่มีงบจำกัดในการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เหล่านี้ จะต้องค้นหาตัวเองให้พบว่า  ธุรกิจเหมาะกับแพลตฟอร์มไหน ลูกค้าเป้าหมายใช้บริการสื่อช่องทางไหนมากกว่ากัน เพื่อจะได้จัดสรรงบโฆษณาอย่างเหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย”

ในด้านคอนเทนต์ VDO สั้นๆ จะยังคงมาแรงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Vertical VDOเพราะสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน ส่วน Horizontal VDO จะคงอยู่สำหรับคอนเทนต์ยาวใช้เวลารับชมนาน เช่น แอปสตรีมมิงต่างๆ ขณะเดียวกัน ฟีเจอร์ แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (Customer Data Platform) ที่เปรียบเหมือนฐานลับของแบรนด์ ซึ่งมีการเก็บข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งอีเมล เว็บไซต์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์สามารถใช้วิเคราะห์ลูกค้าและเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การเก็บข้อมูลต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ต้องขออนุญาตลูกค้าก่อนนำไปใช้ และให้ลูกค้าเลือกลบข้อมูลส่วนตัวบางอย่างได้

ภคศุภ แนะนำว่า หากต้องการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ นักการตลาดและแบรนด์ต้องให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก โดยปัจจัยแรกที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือ สินค้าต้องดีตอบโจทย์ลูกค้า รองลงมาคือ การนำเสนอสินค้าต้องน่าสนใจ ซึ่งสิ่งที่จะดึงดูดลูกค้าได้สำหรับการทำตลาดออนไลน์ คือ อาร์ตเวิร์ก ชิ้นงานโฆษณา ต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไป หากทำอาร์ตเวิร์กโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ก็มีโอกาสที่คนจะเข้าคลิกมาดูสินค้าและซื้อสินค้ามากขึ้น และปัจจัยสุดท้าย คือ การเลือกช่องทางการจำหน่ายสินค้า ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เมื่อเลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ได้แล้ว ก็ต้องรู้จักดีไซน์คอนเทนต์ให้ตรงกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและเหมาะสมกับแพลตฟอร์มนั้นๆ ด้วย เช่น ตอนนี้คนนิยมดูคลิปวิดีโอสั้นๆ แต่คนที่ใช้ TikTok จะชอบวิดีโอธรรมดาๆ มีความสมจริง มากกว่าวิดีโอที่มีโปรดักชันดีๆ สวยๆ แต่ถ้าต้องการโปรโมตสินค้าผ่านอินสตราแกรมจะต้องใช้ภาพสวยๆ วิดีโอสวยๆ เพราะดึงดูดความสนใจได้ดีกว่า ส่วนเฟซบุ๊กก็ต้องเน้นทำวิดีโอแนวตั้งมากขึ้น ขณะที่ยูทูป ถ้าเป็นการยิงโฆษณา ต้องใช้วิดีโอที่ดึงความสนใจคนได้ภายใน 5 วินาที แต่ถ้าต้องการปั้นช่องให้เป็นที่นิยมเอง ไม่เน้นยิงโฆษณา ก็ต้องอาศัยเนื้อหาและโปรดักชันที่ให้ประโยชน์กับผู้ชม ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 1-2 ปี กว่าจะติดตลาด”  ภคศุภ แนะนำเพิ่มเติม