TRV แย้มธุรกิจครึ่งปีหลังโตกว่า H1/65 รับออเดอร์ใหม่หนุน

261
ธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ

“บมจ. ที.อาร์.วี.รับเบอร์ โปรดักส์” หรือ TRV แย้มธุรกิจไตรมาส 2/65 เติบโตตามแผน เดินหน้าลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ เพิ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้น หนุนผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก พร้อมปรับกลยุทธ์แผนลงทุนซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทพลาสติก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ ที่เพิ่มเติมมาจากยางและซิลิโคน เพื่อรองรับความต้องการในตลาดชิ้นส่วนที่เติบโต

ธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRV เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/2565 เชื่อว่าจะเติบโตได้ตามแผน โดยบริษัทฯ ได้ปรับแผนการลงทุนในการขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่ และเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น โดยในปี 2565 บริษัทฯ วางแผนลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทพลาสติก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ จากผลิตภัณฑ์เดิมที่เป็นยางและซิลิโคน พร้อมใช้กลยุทธ์การปรับลดและควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และควบคุมคุณภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น หลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้การสั่งซื้อและการผลิตชะลอแผนออกไป รวมถึงราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้นที่ได้รับผลกระทบมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จึงมองเห็นโอกาสในตลาดชิ้นส่วนพลาสติกที่เป็นโอกาสใหม่ เข้ามาเพิ่มเติมยอดขายในอนาคตให้แข็งแรง กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดใหม่ๆเพิ่มเติม

ส่วนแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามา และในปี 2565 นี้ TRV มีความพร้อมในการขยายกำลังการผลิต ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังได้เงินจากการระดมทุนในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา  ส่งผลให้กำลังการผลิตของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากเดิมเท่าตัว โดยเพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในกลุ่มยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 94 ล้านชิ้นต่อปี ในช่วงปี 2565-2568 ขณะที่แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เห็นสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจนอีกครั้ง โดยเฉพาะปีนี้น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญสนับสนุนภาพรวมรายได้และศักยภาพทำกำไรเพิ่มขึ้น

โดยกระแสการเติบโตในกลุ่มยานยนต์ EV และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี IoT จะเป็นโอกาสในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปที่มีคุณภาพ นอกจากนี้การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยมีการเพิ่มขึ้น 2-4 % ต่อปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่

“ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2565 มีรายได้จากการขาย 46.98 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ  5.98 ล้านบาท ผลประกอบการลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ ขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบบางรายการที่นำเข้าจากต่างประเทศ มาใช้เป็นชิ้นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยานยนต์ ทำให้รถบางรุ่นต้องพักสายการผลิตและการพัฒนารถใหม่ก็ชะลอแผนออกไป ขณะที่บริษัทฯ มีภาระต้นทุนด้านวัตถุดิบสูงขึ้นจากการปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญของโลก และความต้องการบริโภคน้ำมันสูงเกินกว่ากำลังการผลิตที่มีอยู่ในขณะนี้” ธีรวุฒิ กล่าว