บมจ.เงินติดล้อ เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2565 แข็งแกร่ง หลังภาพรวมเศรษฐกิจและภาคธุรกิจธุรกิจต่างๆ ทยอยฟื้นตัว ทำกำไรสุทธินิวไฮที่ 940 ล้านบาท และรายได้รวม 3,361ล้านบาท เติบโตโดดเด่น จากยอดปล่อยสินเชื่อเดือนมีนาคมทำสถิติสูงสุดและยอดเบี้ยประกันภัยที่สดใส จากแคมเปญบัตรติดล้อและการขยายระยะเวลาผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยรถที่มีผลตอบรับดี ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลง คุณภาพลูกหนี้อยู่ในระดับที่ดี ในขณะที่สำรองหนี้ยังสูงถึง 317%
ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่และรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว ผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจและผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น รวมถึงเกิดการเดินทางและใช้รถส่วนบุคคล ส่งผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัย
สำหรับไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 940 ล้านบาท เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากความต้องการสินเชื่อและประกันภัยที่เพิ่มขึ้น โดยยอดปล่อยสินเชื่อและเบี้ยประกันภัยเติบโตในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากผลตอบรับที่ดีจากการให้ลูกค้าสามารถผ่อนจ่ายชำระเบี้ยประกันภัยรถด้วยเงินสด 0% สูงสุด 10งวด ส่วนการทำแคมเปญสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถกระบะพร้อมบัตรติดล้อ สามารถตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อและอำนวยความสะดวกในการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำทั่วประเทศกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มียอดปล่อยสินเชื่อในเดือนมีนาคม 2565 ทำสถิติสูงสุดใหม่
ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง หลังจาก ทริส เรทติ้ง ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและเครดิตหุ้นกู้
เมื่อปีที่ผ่านมาและมีความต้องการจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่ามูลค่าที่เสนอขาย 5,000 ล้านบาท คุณภาพลูกหนี้และค่าใช้จ่ายด้านเครดิต (Credit Cost) อยู่ในระดับที่ดีกว่าคาด อัตราเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีความสามารถผ่อนชำระที่ดี อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income) ปรับตัวลดลง
ส่วนความคืบหน้าการออกบัตรติดล้อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 ได้ออกบัตรไปแล้วกว่า330,000 ใบ และได้รุกขยายสาขาเพิ่มอีก 102 แห่ง รวมเป็น 1,388 แห่ง จากแผนงานปี2565 จะขยายสาขาใหม่รวม 300 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสินเชื่อและประกันภัยได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น
กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า ภาพรวมความต้องการสินเชื่อและประกันภัยในไตรมาส 2/2565 มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้ประกอบการกลับดำเนินธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือรองรับการขยายธุรกิจ แม้สถานการณ์ COVID-19 ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง แต่อาการไม่รุนแรง ทำให้ประชาชนออกมาเดินทางและทำกิจกรรมเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นทำผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย และช่วยลดภาระแก่ผู้ที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประกอบกิจการ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นจากกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นและทรงตัวอยู่ในระดับสูง