อโรม่า กรุ๊ปตอกย้ำผู้นำธุรกิจกาแฟคั่
กิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือ อโรม่า กรุ๊ป (Aroma Group) ผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร เปิดเผยถึงความร่วมมือกับ ฮาริโอะ แบรนด์ชื่อดังที่ผลิตเครื่องแก้วทนความร้อน รวมถึงอุปกรณ์การชงกาแฟ แบบ Specialty ระดับเวิรด์คลาส ที่มีศักยภาพทั้งในด้านสินค้าและบุคคลากรในตลาดมานานกว่า 100 ปี จากประเทศญี่ปุ่น ถึงการเปิดตัว Hario Café ในประเทศไทยว่า การเข้ามาในตลาดกาแฟแบบ Specialty ของอโรม่า นับเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจมานานแล้ว ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟคั่วบด ในประเทศไทย และเห็นพัฒนาการหรือการเติบโตของพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง จากการดื่มกาแฟสำเร็จรูปในบ้าน หรือในที่ทำงาน ตามมาด้วยรูปแบบร้านกาแฟสมัยใหม่ ที่ใช้อุปกรณ์การชงที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว สามารถชงได้ตั้งตั้งแต่ 1 แก้วขึ้นไป จนถึงการตกแต่งพื้นที่ ให้ตอบสนองต่อการเป็นศูนย์กลางของการพบปะ พูดคุยสังสรรค์ หรือทำงานทั้งแบบส่วนตัว หรือเป็นกลุ่มนอกออฟฟิศ และอื่น ๆ อีกมากมาย ในขณะที่ร้านกาแฟในกลุ่ม Specialty ที่แต่ละร้านจะสรรรหาเมล็ดกาแฟคุณภาพจากแหล่งต่าง ๆ มาคั่วตามกรรมวิธีเฉพาะ พร้อมใช้วิธีการชงแบบคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นแบบ Drip หรือ เพิ่มความพิเศษแบบ Syphon มาเสิร์ฟให้บริการลูกค้า เริ่มก่อตัวขึ้นและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงความสนใจในการสรรหาซื้ออุปกรณ์การชง หรือเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ผ่านการคั่วบดจากร้านกาแฟที่คุ้นเคย ไปลองหัดทำเองที่บ้าน
ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นการพัฒนาประสบการณ์การดื่มกาแฟของคนไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ที่พร้อมจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับการดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากวิกฤตของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนอย่างฉับพลัน และผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการแสวงหาวิถีชีวิตคุณภาพภายในที่พักอาศัย รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งแบบส่วนตัว หรือเป็นกลุ่มเฉพาะภายในบ้าน ส่งผลให้ตลาดกาแฟภายในบ้าน ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ความสำเร็จจากการเปิด Hario Café ในรูปแบบ Slow Bar แบบชิคแอนด์คูลแนวเจแปนนิส สาขาแรกย่านลาดพร้าว เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่สุดพิเศษในคาเฟ่แบบ slow bar พร้อมศิลปะการชงทั้งแบบ drip, syphon, cold brew มาเสิร์ฟให้ลูกค้า ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับลูกค้าเสมือนเป็น Coffee Community โดยลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามข้อมูลต่างๆกับบาริสต้า พร้อมแนะนำการใช้อุปกรณ์การชงที่ทันสมัย จากการสร้างสรรค์และพัฒนาโดย Hario ที่บาริสต้าใช้ประจำอยู่ที่ร้าน ให้ลูกค้าสามารถหาซื้อไปใช้ในการรังสรรค์เครื่องดื่มด้วยตัวเองที่บ้านได้อย่างสะดวก ผลักดันให้ผู้บริโภครู้จักการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมกัน จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก ท่ามกลางภาวการณ์วิกฤตโควิด-19 และส่งผลให้กลุ่มอโรม่าได้รับความสนใจจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในฐานะของ new entry ในการเข้าสู่ตลาด Specialty และทำให้อโรม่า เข้าถึง consumer ได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกวาดรายได้ไปกว่า 1,700 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา และ เติบโตขึ้นเกือบ 20%” กิจจากล่าวและเพิ่มเติมว่า
“การขยาย Hario Café ในรูปแบบ flagship store ที่อาคารธนิยะพล่าซ่าในครั้งนี้ นอกจากจะนับเป็น flagship store ที่ใหญ่ที่สุด ของฮาริโอะด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 30 ล้านบาท บนพื้นที่ใช้สอยถึง 480 ตร.เมตร แล้ว ยังนับเป็นร้านกาแฟที่สอดรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ทั้งสำหรับคอกาแฟและที่ไม่ใช่คอกาแฟ จากเมนูเครื่องดื่มที่เข้ามาร่วมสร้างสีสัน ให้ได้สนุกไปกับการดื่มในแนว Speed Bar หรือผู้ที่นิยมการดื่มกาแฟแนว Specialty ในรูปแบบ Slow Bar ที่พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั้งประสบการณ์ทางสายตา และการพูดคุย ในขณะเดียวกัน บาริสต้าก็เลือกที่จะใช้การสื่อสารที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ความรู้ กับผู้บริโภคและทำให้เกิดการพัฒนา เอาประสบการณ์ที่ใช่ให้กับลูกค้าได้ทดสอบ ใช้ได้จริง ทั้งจากเครื่องชงกาแฟแนว Specialty แบบต่าง ๆ จากฮาริโอะ แทนการเปิดพื้นที่ให้นั่งพูดคุยกันเองเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ Hario Café Bangkok ที่ธนิยะพลาซ่า ยังนับเป็นแหล่งรวมเมล็ดกาแฟ specialty ที่หลากหลายมากที่สุดในประเทศไทยจากการนำเข้าโดยอโรม่า ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาแฟคั่วบดมายาวนานกว่า 70 ปี ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟพิเศษ หายากตาม Seasonal จากแหล่งผลิตกาแฟที่ดีที่สุดของโลก รวมถึงกาแฟ COE (Cup of Excellence) ที่ทางอโรม่าประมูลมาได้จากหลากหลายประเทศ เช่น โคลัมเบีย คอสตาริก้า นิการากัว มาคอยบริการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมล็ดพิเศษๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ และพร้อมจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่าย
อีกทั้งความร่วมมือกับฮาริโอะ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านเครื่องแก้วที่หลากหลาย มีการสร้างสรรค์ และพัฒนาสินค้า อุปกรณ์การชงเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ให้เข้าถึงความต้องการ และสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่า Hario Café สาขาธนิยะพลาซ่า เป็น Community ของคนรักกาแฟที่สมบูรณ์แบบและดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
กิจจาตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ของฮาริโอะไว้ว่า จะไม่ต่ำกว่า 50 % จากปีที่ผ่าน โดยแบ่งเป็นการขายจากส่วนอุปกรณ์การชง และรายได้จากเครื่องดื่มเมนูต่างๆ แม้ว่า ในส่วนของ Hario Café จะไม่เน้นการเร่งขยายสาขามาก แต่จะมีการขยายสาขา Hario Café เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3 สาขา ภายในสิ้นปีนี้