บ.หลักทรัพย์ประสานเสียง หุ้น IPO “SECURE” โดดเด่นรับเทรนด์ 5G

369

“บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว” หรือ SECURE ขายไอพีโอ จำนวน 27.74 ล้านหุ้น เตรียมแจ้งเกิดในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 1 ก.ค. นี้  บล.หยวนต้า (ประเทศไทย),-บล.กรุงไทย ซีมิโก้ -บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เชื่อมั่นในการเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก ให้ราคาเป้าหมาย 22.20-24.20 บาทต่อหุ้น  ประเมินกำไรปี 64 โตทะลักระดับ 134-227% ทำสถิตินิวไฮ ลั่น!ยืนหนึ่งในธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้ากลุ่ม Network Security ที่เข้าสู่วัฎจักรขาขึ้นในยุค 5G

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด  ระบุว่า บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) (SECURE)  เป็นตัวแทนจำหน่าย Hardware และ Software ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber Security) ให้กับ  Vendors ระดับโลก โดยมีสัดส่วนรายได้กว่า 80% มาจากการขายระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (Network Security) และระบบรักษาความปลอดภัยในอุปกรณ์ให้กับผู้ใช้งานโดยตรง ซึ่งลูกค้าของ SECURE ส่วนใหญ่คือ ผู้รับเหมาวางระบบ (System Integrator หรือ SI) ขนาดใหญ่ เช่น บริษัท เอ็นทีที โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ SECURE มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาด Cyber Security ราว 20% และมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ในระดับผู้นำอุตสาหกรรมราว 10%

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ในปี 2564 ของ SECURE จะเท่ากับ 796 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปี 2565 เท่ากับ 875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากฐานทุนที่แข็งแกร่งหลังเข้าตลาดฯ การเร่งขยายทีม การขยายศูนย์ให้บริการด้านเทคนิคแห่งใหม่ รวมถึงความต้องการลงทุนค้างท่อในยุค Post COVID-19 และตลาดที่ก้าวเข้าสู่ยุค 5G

รวมทั้งคาดกําไรปกติปี 2564-65 ที่ 71 ล้านบาท เพิ่มขึ้้น 134% จากงวดเดียวกันปีก่อน และ 84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันปีก่อน ตามลําดับ หนุนจากการเติบโตของความต้องการสินค้าในกลุ่ม Network Security สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564/2565 คาดอยู่ที่ระดับ 23%

ส่วนธุรกิจร่วมทุน บริษัท เอ็นเดต้าธอธ จำกัด ซึ่ง SECURE ถือหุ้น 55%  ที่จะรับรู้ในรูปแบบ Share of profit จะเริ่มส่งผลกำไรในปี 2565 ที่ราว 2 ล้านบาท แต่จะหนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

ฝ่ายวิจัยจึงได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ไว้ที่ 24.20 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 30.4 เท่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม ICT ขนาดเล็กที่ให้บริการ Software ในประเทศไทยและหุ้นค้าปลีก IT ที่ขายบริการ Software อิงสมมติฐาน Fully Dilution ซึ่งรวมทั้ง Warrant ราว 3 ล้านหุ้นที่บริษัทให้กับพนักงาน

บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐานหุ้น SECURE ที่ราคา  22.50 บาทต่อหุ้น อิง Prospective P/E 30 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 27 เท่า ของการซื้อขายระหว่างหุ้นผู้ประกอบการตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มเทคโนโลยีในประเทศไทยและหุ้นผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในต่างประเทศ โดยเราให้พรีเมี่ยม เนื่องจาก EPS Growth 139% ในปี 2564 และ 25% ซึ่งโดดเด่นกว่ากลุ่ม

สำหรับผลประกอบการปี 2564 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 227% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นสถิติสูงสุดใหม่ เป็นผลมาจากผลประกอบการฐานต่ำจากปีก่อน ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ จากการระบาดของ COVID-19  ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 ขยายตัวก้าวกระโดดเป็น 28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 488% จากยอดขายรวม 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงให้กับผลประกอบการปีนี้

ฝ่ายวิจัยคาดว่า SECURE จะมีกำไรสุทธิในปี 2565 เท่ากับ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และในปี 2566 เท่ากับ 112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%  ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายปี 2565-2566 คาดว่าจะเติบโต 15% และ 10% ตามลำดับ ภายใต้สมมติฐานความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Cybersecurity ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ทั้งจากองค์กรภาครัฐ และเอกชน, การบังคับใช้พระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA ทำให้องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่ง SECURE ได้พัฒนาซอฟท์แวร์ของตนเองขึ้น ได้แก่ UCP และ PDPA Pro รองรับความต้องการทั้งองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs ในประเทศ, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งจากเจ้าของผลิตภัณฑ์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง  โอกาสการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเจ้าของผลิตภัณฑ์รายใหม่ รวมถึงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ประเมินว่า ราคาพื้นฐานของ SECURE ด้วยวิธี Relative Value Approach ปี 2564 ที่ 22.20 บาทต่อหุ้น อิงกับ PER 25 เท่าของประมาณการกำไรปี 2564 ซึ่งมีส่วนเพิ่มจากค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่าย และให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศที่ 22.20 เท่า จากประมาณการเติบโตของกำไรที่คาดว่าจะโดดเด่นกว่ากลุ่ม (คาดการณ์กำไรต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ย 48% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า) ณ ระดับราคาดังกล่าวเทียบเท่า PEG ที่ระดับ 0.5 เท่า

โดยประเมินกำไรสุทธิของ SECURE จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 67% ต่อปี ในปี 2564-2566 จาก 24 ล้านบาทในปี 2563 เป็น 110 ล้านบาทในปี 2566 (กำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ย 48% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน จากผลการเพิ่มทุน-คำนวณคิดลบเต็มที่) โดยกำไรสุทธิจะโดดเด่นที่สุดในปี 2564 ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 2.4 เท่าตัวจากปีก่อน เป็น 79 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในอัตรา 24% เป็น 102 ล้านบาทในปี 2565 ซึ่งการเติบโตของผลประกอบการในปี 2564 เป็นผลมาจากการตื่นตัวของผู้ใช้งานโดยตรงเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการคุกคามทางไซเบอร์ โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นมากในไตรมาส1/2564