จากคู่แข่งสู่คู่หู ‘โมโน’ ผนึก ‘แกรมมี่’ เปิดแผนยึดทุกหน้าจอ เชื่อม 2 จักรวาลด้วยคอนเทนต์ + เทคโนโลยี + การตลาด

1080

ในสมรภูมิทีวีดิจิทัลเมืองไทย ‘โมโน’ กับ ‘แกรมมี่’ ต่างคือคู่แข่งทางธุรกิจบนแพลตฟอร์มเดียวกัน แต่หลังจากฝ่าฟันสารพัดอุปสรรคและรอดชีวิตจากสงครามดิจิทัลมาได้ ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นตรงกันว่าการผนึกกำลังเพื่อช่วยกันผลักดันอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตไปด้วยกันโดยไม่แย่งกันเอง คือกลยุทธ์สำคัญในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้

วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ “MONO” ผู้นำในการสร้างสรรค์สื่อและข้อมูลความบันเทิง “Media and Content Conglomerate” ชั้นนำของเมืองไทย และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านสื่อและผู้นำคอนเทนต์ที่แข็งแรงที่สุดของเมืองไทย พร้อมด้วย GMM Studios จึงได้ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ “Super Giant Alliance” จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกันสร้างคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านการผลิต กลยุทธ์ทางการตลาด และการขยายช่องทางการเข้าถึงคอนเทนต์ เพื่อเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์และสื่อบันเทิงอันดับ 1 ของเมืองไทย

ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.โมโน เทคโนโลยี เปิดเผยว่า ทั้งโมโนและจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ต่างมีจุดแข็งที่ชัดเจน เมื่อมาผนึกกำลังกัน เชื่อว่าคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นจะเป็นคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดและดีที่สุด เนื่องจากโมโนเป็นผู้นำด้านธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูลและธุรกิจบริการด้านความบันเทิงแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมการนำเสนอเนื้อหาทุกประเภท ซึ่งมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสำเร็จจากการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพระดับโลก สดใหม่ และเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ที่ผลักดันให้ช่อง MONO29 เติบโตและครองอันดับต้นๆ จากการจัดอันดับเรตติ้งมาตลอด 5 ปี อีกทั้งฐานลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นผู้นำด้านสื่อและคอนเทนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองไทย ทั้งเพลง ศิลปิน ซีรีส์ ที่ครองใจวัยรุ่นและทุกเพศทุกวัยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี รวมทั้งมีเครือข่ายบน Social ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างชัดเจน ทั้งสองฝ่ายจึงมีเป้าหมายเดียวกันในการผลิตเนื้อหาและคอนเทนต์ต่างๆ ที่สนุกสนาน มีคุณภาพ และรับชมได้หลากหลายช่องทางในเครือโมโน

“ธุรกิจเดียวกันก็ต้องเป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว แต่พอได้มาคุยกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็มาคิดว่าเราต้องหาอะไรที่แปลกใหม่ แต่คนเดียวจะแปลกใหม่ได้ยังไง เราก็ต้องไปด้วยกัน เรามองว่าจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีจักรวาลเยอะมาก โมโนเองก็ต้องการคอนเทนต์ไทยเยอะมาก เพื่อเติมความหลากหลายบนแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกัน การได้ Local Content ก็ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตไทยมากขึ้น โมโนเกาะกระแสเทรนดี้ แกรมมี่ก็กระแสล้ำสมัย กับรายอื่นเราคุยจบแค่คอนเทนต์ แต่กับแกรมมี่ เราคุยต่อทั้งเรื่องเพลง การผลิต การขาย การตลาด เรามีช่วยวิเคราะห์วิธีการขาย ปรับกลยุทธ์การขาย เพื่อที่เราจะโตไปด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้บางส่วนเริ่มทำกันไปแล้ว แต่จะปรากฏผลงานในไตรมาสที่ 2 ปีหน้า”

ทั้งนี้ โมโนกับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ วางแผนการยึดหน้าจอด้วยการร่วมมือกันด้านเนื้อหาและคอนเทนต์ โดยครอบคลุมทั้งในส่วนของนักแสดง, ศิลปิน, เพลง,  Original Content และคาราโอเกะ ดังนี้

  1. Talent Management : ร่วมมือสร้างศิลปินกลุ่มใหม่ภายใต้รหัสลับ “Girl Universe” ตั้งเป้าปีแรกจะผลิต 2 กลุ่ม จำนวน 4 อัลบั้ม (20 ซิงเกิ้ล)
  2. Original Content : จะมีการผลิตซีรีส์ร่วมกัน 6-8 เรื่องต่อปี เป็นซีรีส์แนว Action, Drama, Horror และ Romantic comedy โดยใช้นักแสดงหลักจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับนักแสดงจากโมโน คาดหวังการเติบโตและความหลากหลายให้กับ MONO29 และ MONOMAX
  3. Technology Distribution : โมโนจะนำซีรีส์บางส่วนและคาราโอเกะเข้ามาเสริมทัพคอนเทนต์ให้กับแพลตฟอร์ม 3BB TV (โดยเทคโนโลยีจาก KT Corporation ประเทศเกาหลีใต้) โดยโมโนทำหน้าที่เป็น Master Content Provider ให้กับ 3BB เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ตั้งเป้าผู้ใช้งานบริการนี้5 ล้านรายในหนึ่งปี (3BB TV จะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ปี 2563)
  4. Marketing arms : ร่วมมือในการตลาดร่วมกัน โดยอาศัยสื่อ ฐานลูกค้า และแฟนคลับทางโซเชียลเน็ตเวิร์คของทั้งสองฝ่าย
  5. Sale Collaboration : วิเคราะห์การขายโฆษณาทางดิจิทัลทีวีร่วมกัน เพื่อให้เกิดการกำหนดมาตรฐานราคาที่เหมาะสมกับเรตติ้ง และส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อทีวีของไทย

ขณะที่ ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลยุทธ์ สายงานธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เราอยากให้วงการนี้ใหญ่ขึ้น โมโนมี MONO Universe ถ้าเรารวมสองจักรวาลเข้าด้วยกัน มันน่าจะทำให้จักรวาลนี้เติบโตขึ้นทั้งคอนเทนต์และเทคโนโลยี ซึ่งเราจะสามารถช่วยกันและกันได้ในหลายๆ ส่วน เป็นการทลายกำแพงคู่แข่ง สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับวงการและเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เพราะต้องยอมรับว่า “Content is King” ยังใช้ได้อยู่ แต่นอกจากคอนเทนต์ที่ดีแล้ว เรายังต้องมีพันธมิตรที่ดีมาช่วยขับเคลื่อน รวมทั้งแผนการตลาดที่ครบทั้งออนไลน์  ออฟไลน์ ควบคู่กันไป เพราะหากมีคอนเทนต์ดีแต่ไม่ทำการตลาดก็ประสบความสำเร็จได้ยาก”

“สำหรับแผนกลยุทธ์คอนเทนต์ที่เราวางไว้ 3 ปี ต่อจากนี้ เราจะมุ่งสร้าง10 Artists,10 Digital Albums,12 Concerts, 30 Road tour Events, 20,000 Karaoke Songs และ 20 Original Content อย่างในมุมของธุรกิจเพลง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีทีมนักสร้างสรรค์เพลงที่มีฝีมือและสร้างผลงานเพลงดังเพลงฮิตมากมาย เราก็จะมาร่วมสร้าง Original Album ให้กับเกิร์ลกรุ๊ปศิลปินแม่เหล็กของทางโมโน เป็นต้น โดยคอนเทนต์ทั้งหมดจะต้องเป็นที่ถูกใจและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคอย่างแน่นอน ให้สมกับเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงอย่างแท้จริง”

ด้าน อมฤต ศุขะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า GMM Studios จะทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตซีรีส์ให้ในทิศทางที่โมโนต้องการ ขณะเดียวกัน โมโนสามารถโฟกัสด้านการสร้างและบริหารแพลตฟอร์มและทำการตลาดควบคู่กันไป โดยในส่วนคอนเทนต์ จุดเด่นของซีรีส์คือการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน สนุก และน่าติดตาม ซึ่งซีรีส์ที่ผลิตให้โมโนจะต้องสามารถเรียกผู้ชมทางโทรทัศน์ได้ และต้องสามารถเข้าไปอยู่ในบริการของ MONOMAX ที่สามารถดูในรูปแบบ OTT ได้ คือมีอายุ หรือ Shelf Life ที่นาน บางเรื่องอาจจะมีการพัฒนาเป็นซีซั่นที่ 2-3 ต่อไป ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการจับมือกันทำงานในระยะเวลา 3 ปี มีจำนวนซีรีส์ที่วางแผนเบื้องต้นมากถึง 20-22 เรื่อง

“การร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้ทับซ้อนกัน เหมือนโมโนขายแตงโม แกรมมี่ขายส้มโอ เราไม่ได้ขายแตงโมหรือขายส้มโอแข่งกัน แต่เราจะรวมสองจักรวาลนี้ด้วยกันเพื่อให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตโดยไม่แย่งกัน” สองผู้บริหารกล่าวสรุปทิ้งท้าย