“MTL Every Life Partner” ปีแห่งการท้าทายธุรกิจประกันชีวิต

1140

บริบทของการตลาดมีการปรับเปลี่ยนไปในทุกช่วงเวลา ในยุคสมัยหนึ่ง นักการตลาดมองความต้องการของผู้บริโภคเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วผลิตสินค้าหรือบริการที่เชื่อว่าตอบความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้ออกสู่ตลาด เรียกแนวคิดนี้ว่า Inside out

ในเวลาต่อมา ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารง่ายขึ้น คนกลุ่มใหญ่แตกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตออกไปเป็นกลุ่มย่อยๆ มีทางเลือกเป็นของตนเอง  Inside out  กลายเป็นวิธิคิดทางการตลาดที่ไม่ตอบโจทย์ การคิดมุมกลับ จากความเชื่อของผู้ผลิตถูกย้ายมาเป็นการมองความต้องการของผู้บริโภค หรือ Outside in จึงเกิดขึ้น

Outside in หรือ Customer Centric กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญของนักการตลาดในยุคอินเทอร์เน็ต สินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์อย่าง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน เครื่องสำอาง ไปจนถึงเครื่องดื่ม มีการขยายกลุ่มสินค้า ซอยเซกเมนต์ออกเจาะกลุ่มย่อย ๆ

แต่สำหรับการประกันชีวิต แม้พื้นฐานของธุรกิจจะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของผู้คนโดยตรง แต่วงการประกันภัยที่เกิดมานานถึง 90 ปี ยังไม่เคยมีแนวคิดที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการเฉพาะคน กรมธรรม์ที่นำมาเสนอล้วนมาจากการออกแบบของบริษัทประกัน

สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ MTL  เผยว่า 60 ปีของเมืองไทยประกันชีวิตจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการประกันชีวิตครั้งสำคัญ ด้วยการปรับการทำงานใหม่ ปรับแผนงาน และปรับวิธีคิดจากการคิดผลิตภัณฑ์แบบ Inside out  มาเป็น Outside in

ในปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนของเมืองไทยประกันชีวิต ทิ้งรูปแบบการทำงานแบบไซโล ต่างคนต่างทำ มาสู่การร่วมกันขับเคลื่อน นำ Big Data มาวิเคราะห์เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะคน

โดยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด outside in เข้าถึงลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อาทิ ผลิตภัณฑ์ เบาหวานเบทเทอร์แคร์” แบบประกันภัยสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  สัญญาเพิ่มเติม การประกันภัยสุขภาพ แบบอีลิท เฮลท์”  ที่มอบความคุ้มครองแบบเหนือระดับด้วยความคุ้มครองที่สูงขึ้น  ประกันชีวิตควบการลงทุน “mDesign” แบบประกันภัยที่รวมประกันชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยได้คัดสรรกองทุนรวมคณุภาพชั้นนำ มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและรูปแบบการลงทุน เพื่อให้ตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตได้ตามต้องการ คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด และบริการ “MTL Smile Service” บริการรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการดูแลลูกค้าผ่านทีมงานคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ด้านการบริการที่ครบวงจร

“ปีที่ผ่านมา เมืองไทยประกันชีวิต มีการลงทุนด้านการดูแลลูกค้าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และในปีนี้ก็จะใช้งบลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ในการเข้าถึงลูกค้าเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้น” สาระกล่าว

การให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อปรับทิศทางของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ทำให้ในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของเมืองไทยประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 94,467 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า  แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่  22,773 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป  71,694 ล้านบาท แต่สิ่งที่จะได้มาคือ การสร้างระบบการบริหารจัดการที่ดี  ประสิทธิภาพของทีมงานที่มีคุณภาพ  รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

“รูปแบบการดำเนินธุรกิจสำหรับยุคนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นยุคที่ท้าท้ายองค์กรเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจะต้องปรับตัวในมุมนโยบายเชิงกลยทุธ์ในทุกระดับทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ไปจนถึงบุคลากรทุกหน่วยงาน จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติ แนวคิด และวิธีการทำงานใหม่ทั้งหมด (Disruptive Ourselves) ให้สามารถทันต่อโอกาสที่เกิดขึ้นภายใต้กลยุทธ์ที่เป็นระบบและมีชั้นเชิง อีกทั้งองค์กรยังส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานภายในองค์กรรูปแบบใหม่ๆ กล้าที่จะลองผิดลองถูก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาได้อยู่เสมอ” สาระกล่าว

สำหรับการดำเนินงานในปี 2562  เมืองไทยประกันชีวิต วางกลยุทธ์ “MTL Everyday Life Partner”   ตั้งเป้าหมายในการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีความโดดเด่นด้านนวตักรรม(Innovation) พร้อมก้าวเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิต(Life Stage)  เดินหน้าออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรม และแนวคิด แบบ Outside In ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัว (Segment of One) และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

โดยผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอ จะเน้นการประกันชีวิตควบการลงทุน และมุ่งเน้นการปลดล็อค ข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและสุขภาพ (Health Revolution) ที่มอบความคุ้มครองและสร้างความอุ่นใจที่มากขึ้น ทั้งในแง่ของการเพิ่มเติมสวัสดิการที่ลูกค้ามีอยู่แล้ว หรือการดูแลในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในการดูแลเรื่องสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน(Dynamic Pricing)

ด้านการทำการตลาด เมืองไทยประกันชีวิตมองการเข้าถึงแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channel)  เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนที่มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบทางการเงิน (Life Planner) ที่สามารถออกแบบให้คำปรึกษา และวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย การขายผ่านช่องทางธนาคาร  โบรกเกอร์  รวมไปถึงการขายแบบประกันออนไลน์ ที่มุ่งขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น KPlus, Line Pay และ Shopee ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ (Digital Insurer)

นอกจากนี้เตรียมยกระดับของการให้บริการภายใต้โครงการ “MTL Smile Service” ที่ครอบคลุมการให้บริการแก่ ลูกค้าในทุกด้าน ประกอบด้วย MTL Smile Care, MTL Smile Tech, MTL Smile Touch  และ เมืองไทย Smile Club เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านการบริการที่ครบวงจรและเหนือระดับ(Excellence Service) พร้อมก้าว เดินเคียงข้างลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ (Ecosystem Partner) เพื่อดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสถานพยาบาล พันธมิตรในกล่มุที่เป็นสตาร์ทอัพ ด้าน Insure Tech หรือ Health Tech ที่มาจาก  Fuchsia Innovation Centre และ Fuchsia Venture Capital  ซึ่ง จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านต่างๆ มาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเข้าถึง

“วันนี้ MTL เดินคนเดียวไม่ได้ เราต้องสร้าง Ecosystem กับพันธมิตร เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นแบรนด์ของเราทุกวัน  ปีที่ผ่านมาเราร่วมกัน e-Commerce Platform อย่าง Shopee ในปีนี้เราจะมีความร่วมมือมากขึ้น”

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ สาระมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่ม CLMV ที่มีประชากรรวมกันมากว่า 300 ล้านคน  โดยเลือกที่จะรุกเข้าไปโดยการร่วมทุนกับคนท้องถิ่น  ทั้งในเวียดนาม, กัมพูชา, ลาว และเมียนมา

การท้าทายธุรกิจประกันชีวิตที่ยืนด้วยรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากผู้ขายมาเป็นเวลาเกือบศตวรรษ มาสู่รูปแบบการทำประกันตามความต้องการของผู้ซื้อ  เปลี่ยนพนักงานขายประกันมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการประกัน เป็นความท้าทายของเมืองไทยประกันชีวิต ที่ “สาระ” เชื่อมั่นว่า คือการปรับตัวเพื่อรับโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับเมืองไทยประกันชีวิต