จากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีการนำเทคโนโลยีมาให้บริการทางด้านการเงินที่หลากหลายขึ้น อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ปรับลดจำนวนสาขาของตัวเองอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา
จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า สาขาของธนาคารต่างๆ มีแนวโน้มลดจำนวนลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันไปทำธุรกิจกรรมทางการเงินอ่านอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งและโมบายแบงก์กิ้งเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พบว่า สิ้นปี 2560 ที่ผ่านมาจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทยทั้งระบบหายไป 230 สาขา ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารกรุงไทย มีสาขา ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 1,121 สาขา ลดลงจากปี 2559 จำนวน 92 สาขา ธนาคารกสิกรไทย มีสาขา ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 1,028 สาขา ลดลงจากปี 2559 จำนวน 82 สาขา ธนาคารธนชาต มีสาขา ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 524 สาขา ลดลงจากปี 2559 จำนวน 69 สาขา ธนาคารทหารไทย มีสาขา ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 432 สาขา ลดลงจากปี 2559 จำนวน 21 สาขา เป็นต้น
ล่าสุดธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศลดสาขาจาก 1,153 สาขา เหลือ 400 สาขา และลดจำนวนพนักงานจาก 27,000 คนให้เหลือ 15,000 คนภายใน 3 ปีนับจากนี้หรือภายในปี 2563 นี้
“อาทิตย์ นันทวิทยา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการทำงานในระยะ 3 ปีนี้ หรือ “2020 SCB VISION”ว่า นอกจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของไทยพาณิชย์ให้ไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการนำดิจิทัลเข้ามาให้บริการทางการเงินแทน และการใช้ดิจิทัลเข้ามาวิเคราะห์ในการทำธุรกิจในอนาคตแล้ว ซึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธนาคารค่อนข้างมาก
โดยธนาคารจะลดจำนวนสาขาลงอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจุบันที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศอยู่ที่ 1,600 สาขา ก็จะเหลือ 400 สาขา พร้อมทั้งตั้งเป้าลดจำนวนพนักงานลงให้สอดคล้องกับจำนวนสาขาที่ลดลงด้วย โดยตั้งเป้าลดจำนวนพนักงานให้เหลือ 15,000 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานธนาคารทั่วประเทศ 27,000 คน
ปี 2561 นี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้งของธนาคารพาณิชย์แห่งนี้