พานาโซนิค เดินกลยุทธ์เจาะเป้าใหญ่ ผนึกกำลัง บ.ในเครือ รุก B2B

2575

ถ้าจะกล่าวถึงแบรนด์ญี่ปุ่นที่ครองใจคนไทยมายาวนานที่สุด ชื่อหนึ่งที่เชื่อว่า ต้องติดอยู่ในท้อป 5 ต้องมีชื่อของ “พานาโซนิค”  แบรนด์เก่าแก่ที่มีอายุเกือบ 100 ปี จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น  แน่นอน

พานาโซนิค กับคนไทยคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ชื่อในอดีตคือ เนชั่นแนล ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่โทรทัศน์ เครื่องเล่นวิดีโอเทป ตู้เย็น หม้อหุงข้าว ไปจนถึงถ่านไฟฉาย โดยในยุคที่เกาหลีใต้ยังวุ่นวายอยู่กับการประท้วงที่เหมือนจะเป็นวาระแห่งชาติ  โซนี่ก็ยังได้เข้ามาทำตลาดเองในประเทศไทย   เนชั่นแนล เคยเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับ 1 ในประเทศไทยมาก่อน

จนเมื่อเกาหลีใต้สงบ และหันมาพัฒนาด้านเศรษฐกิจ แบรนด์เกาหลีมีการสร้างอย่างเป็นระบบ ก็สามารถเข้ามาชิงพื้นที่การตลาดไปจากแบรนด์ญี่ปุ่น  ส่งผลให้แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นหลายๆ แบรนด์ ต้องม้วนเสื่อเลิกกิจการ ขายแบรนด์ ขายโรงงาน ทิ้งไป

ด้วยความแข็งแกร่งที่มีมาอย่างยาวนานของพานาโซนิค อาจไม่ทำให้พานาโซนิคต้องล้มหายตายจากไปเหมือนแบรนด์ร่วมประเทศหลายแบรนด์  แต่ยอดขายที่ลดลง ส่วนแบ่งการตลาดหดตัวลง ก็ทำให้พานาโซนิคต้องปรับกลยุทธ์กันหลายรอบ

ในตลาดคอนซูเมอร์ พานาโซนิคใช้จุดแข็งของแบรนด์ญี่ปุ่นในสายตาคนไทย หากเปรียบเทียบกับแบรนด์คู่แข่งจากเกาหลีใต้ และจีน คือ คุณภาพของสินค้าที่เหนือกว่า แข็งแรง ทนทานกว่า เกิดเป็นคอนเซปต์ “Japan Quality” ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ พร้อมกับการนำเทคโนโลยี และการออกแบบใหม่ๆ มานำเสนอ ก็ทำให้พื้นที่ยอดขายของพานาโซนิค เติบโตขึ้นจากยุคโดนเกาหลีใต้โจมตีใหม่ๆ

แต่วันนี้ สิ่งที่โจมตีไม่ใช่แบรนด์คู่แข่ง กลับเป็นสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ผู้บริโภคไม่อยากควักเงินออกจากกระเป๋า  พานาโซนิค จึงต้องเดินกลยุทธ์ใหม่ มองหาตลาดใหม่ๆ  นั่นคือ การขยายสู่ตลาด B2B (Business to Business) หรือการขายระหว่างองค์กรกับองค์กร แต่ที่แปลกใหม่กว่านั้น  คือการขายในรูปแบบโซลูชั่น  มิใช่การขายสินค้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหมือนที่เคยทำกัน

พานาโซนิค ในระดับโลก ไม่ได้มีเพียงแค่สินค้า AV ทีวี เครื่องเสียง หรือ HA ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ที่คนไทยใช้กันเท่านั้น  แต่บริษัทเครือข่ายของพานาโซนิค ครอบคลุมไปในหลายๆ ธุรกิจ  ตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัย  อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ในโรงงาน  เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์ในรถยนต์  เฮลท์แคร์  ระบบการจ่ายไฟ  ไปจนถึงสุขภัณฑ์ ครัว หรืออุปกรณ์ภายในบ้าน

ฮิเดคาสึ อิโตะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคอาเซียน พานาโซนิคจึงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และบริการในระดับมาตรฐานโลกสู่ผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้เริ่มรุกเข้าถึงกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ด้วยการจัดแสดงโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Home & Living ภายใน งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมาก

ปีนี้ กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย จึงได้เดินหน้าในการทำตลาดแบบ B2B กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) และกลุ่มองค์กรหรือสำนักงาน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดตัว  Panasonic Smart Solution Center ให้เป็นโชว์รูมสำหรับจัดแสดงและสาธิตผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม รวมไปถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคตของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทยทั้งหมดไว้ในที่เดียว และตอบโจทย์ทุกโซลูชั่นของการใช้ชีวิตยุคใหม่

        Panasonic Smart Solution Center เป็นการรวมเอาสินค้าและระบบจากทั้ง 4 บริษัทย่อยของพานาโซนิคในประเทศไทย ประกอบด้วย พานาโซนิค เอ พี เซลล์, พานาโซนิค ซิว เซลล์, พานาโซนิค อีโคโซลูชั่น เซลล์  และพานาโซนิคอินดัสเทรียล มาสร้างเป็นโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานขององค์กรต่างๆ  นำเสนอผ่านโชว์รูม เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับคู่ค้าทางธุรกิจ ให้ได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปลักษณ์​ การจัดวาง การใช้งาน และฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้โชว์รูมแห่งนี้ยังจะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจของพานาโซนิคใช้เป็นพื้นที่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ให้แก่ลูกค้าได้ ซึ่งจะสามารถสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี  โดยมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ไว้ถึง 6 โซน ได้แก่

1) Extreme Visual Space จัดแสดงนวัตกรรมในการแสดงภาพ โดยการใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ พร้อมเลนส์ฉายภาพระยะสั้นทำเป็นภาพ Panorama 180 องศา

2) Smart & Healthy Living รวมสินค้าพานาโซนิคที่มีความ Smart & Healthy ไว้ด้วยกัน จัดแสดงสินค้าเพื่อดูแลและสร้างความสะดวกสบาย ปลอดภัย ให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยโซลูชั่นต่างๆ ที่พานาโซนิคได้รวบรวมไว้เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ

3) Modernized Office จัดแสดงประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อทุกการสื่อสารเข้าด้วยกัน ตอบโจทย์การทำงานในออฟฟิศอย่างมืออาชีพ โดยดึงเอาเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ

  4) Advanced Retail เป็นการรวมเอาเทคโนโลยีสุดล้ำที่ใช้ในการแสดงสินค้าในส่วนร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัย มารวมเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยในรูปแบบครบวงจรที่ทำได้มากกว่าแค่การรักษาความปลอดภัย เพราะด้วยการออกแบบโซลูชั่นเพื่อการเฝ้าระวัง ดูแลป้องกันเหตุร้าย และยังมีระบบตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งระบบการวิเคราะห์ภาพ

5) Future Lifestyle เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่จัดไว้เพื่อรองรับการนำเสนอ แสดงสินค้าและเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างมืออาชีพ

6) Safety Town เป็นโซนที่จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยโซลูชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานรูปแบบสาธารณะ ทั้งกล้องวงจรปิดและการเชื่อมต่อ Public Wi-Fi รวมไปถึงการนำเอาพลังงานโซลาร์เซลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Panasonic Smart Solution Center แห่งนี้ ถือเป็นโชว์รูมด้าน Home & Commercial Solution ของพานาโซนิคแห่งแรกในไทย  และ เป็นโชว์รูม 1 ใน 4 ประเทศ ที่สร้างขึ้นเพิ่มเติม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากโชว์รูมที่มีอยู่ในกรุงโตเกียวและโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น  โดยแต่ละโชว์รูมจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับตลาดและความต้องการของแต่ละประเทศ  สำหรับประเทศไทยนั้น ตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมีเนียม  รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือกลุ่มสำนักงานต่างๆ ภายในโชว์รูมจึงมีการจำลองโซลูชั่นต่างๆ เข้ามาเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ภายใน Panasonic Smart Solution Center มีพื้นที่ทั้งสิ้น 844 ตรม. แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้าขนาด 352 ตรม. พื้นที่เอนกประสงค์ขนาด 396 ตรม. และห้องประชุม/อบรมขนาด 96 ตรม. ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท

ฮิเดคาสึ อิโตะ กล่าวว่า ขณะนี้พานาโซนิค มีการพูดคุยกับบริษัทผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ราว 30 ราย ทั้งการนำเสนอ Panasonic Smart Solution และการพูดคุยหาผู้ร่วมลงทุนในโครงการ  Pana Home ที่จะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีการวางระบบจาก Panasonic Smart Solution ทั้งหลัง คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีจากนี้

ส่วนธุรกิจของพานาโซนิคซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการขายผ่านช่องทาง B2C หรือขายถึงผู้บริโภคราว 95% ขายผ่านช่องทาง B2B ราว 5% เชื่อว่า การรุกตลาด B2B ด้วย Panasonic Smart Solution นี้จะทำให้สัดส่วนการขายผ่าน B2B ในปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 20%

และจะทำให้พานาโซนิค มีตลาดใหม่ๆ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตได้อีกยาวนาน