ไวตาบูสท์ เปิดโมเดลเวชศาสตร์ชะลอวัย เทเลอร์เมด

1822

ารดูแลสุขภาพกับคนไทย เป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดกันมาก แต่ที่เป็นอยู่เหมือนความฝันและจินตนาการมากกว่าความเป็นจริง  ทุกคนรู้ตัวดีว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งการกิน การอยู่ การทำงาน ล้วนสร้างปัจจัยลบให้กับสุขภาพ แต่จะให้ออกกำลังกาย หรือทานอาหารที่เหมาะสม ล้วนเป็นเรื่องยาก ทางออกที่หลายคนเลือกใช้  คือ การทานวิตามิน อาหารเสริม

ข้อมูลวิจัยจากศูนย์ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ในปี 2015 ตลาดอาหารเสริมและวิตามินในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 6.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2016 และคาดการณ์ว่าในปี 2020 มูลค่าการบริโภคอาหารเสริมและวิตามินของคนไทยจะพุ่งขึ้นถึง 7.7 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

แต่มีคำถามว่า การบริโภคอาหารเสริม และวิตามิน ที่เราซื้อกันตามเคาน์เตอร์  เราทราบหรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว ตัวเรามีความต้องการสารอาหารใด เป็นจำนวนเท่าไร หรือมีสารอาหารใดอยู่ในร่างกายเรามากเกินไปแล้ว

เดือนตุลาคม 2558 ในคอร์สบริหารธุรกิจ Future Innovative Entrepreneur (FINE) คอร์สอบรมผู้ประกอบการและนักธุรกิจรุ่นใหม่ รุ่นแรก มีทีมผู้เรียนส่งโครงการไวตาบูสท์เป็นโปรเจคงานกลุ่มตอนก่อนเรียนจบ และทีมผู้เรียนนั้น ก็ได้นำไวตาบูสท์ออกมาสู่โลกการตลาดที่แท้จริง ด้วยเห็นโอกาสทางธุรกิจว่าน่าจะมีโอกาสเกิดได้จริง เพราะเชื่อว่าโครงการนี้จะตอบโจทย์คนที่อยากดูแลสุขภาพและต้องการทางเลือกที่ง่าย ได้ผลและปลอดภัย เป็นประโยชน์กับคนหมู่มากอย่างแท้จริง

พ.ญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย สมาชิก American Board of Anti-Aging / Regenerative Medicine (ABAARM) กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันในวงการแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยยอมรับกันว่าการทานอาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีสุขภาพที่ดี เพราะในปัจจุบันคุณค่าทางอาหารในผักผลไม้ที่เราทานลดลงจากกระบวนการในการปรุงอาหารจนเหลือน้อยมาก และการทานอาหารให้ครบห้าหมู่ทานผักผลไม้ครบทุกสีในแต่ละวันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนยุคนี้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย

“แม้ว่าอาหารเสริมมีประโยชน์อยู่มาก แต่โจทย์ยากที่สุดคือการทานอย่างไรให้พอดีและปลอดภัยต่อตับและไต เวชศาสตร์ชะลอวัยจึงเน้นที่การปรุงวิตามินเป็นสูตรเฉพาะบุคคลตามผลเลือดและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ขาดตัวไหนมากต้องทานมาก ขาดตัวไหนน้อยต้องทานน้อย ตัวไหนเกินต้องช่วยหาทางลด เพื่อให้ร่างกายสมดุลและป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง”

ไวตาบูสท์มีทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและนักกำหนดอาหารที่เชี่ยวชาญในการใช้วิตามินช่วยดูแลสุขภาพ โดยให้บริการปรุงวิตามินสูตรเฉพาะบุคคล (Personalized vitamin) ซึ่งปรุงจากวัตถุดิบอาหารเสริมนำเข้าพรีเมี่ยมกว่า 100 ชนิด ซึ่งแต่ละคนจะได้รับชนิดและปริมาณ (dosage) วิตามินแตกต่างกันตามอายุ เพศ น้ำหนัก, เป้าหมายด้านสุขภาพ, ระดับวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด, ไลฟ์สไตล์, ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ ความเครียด เพื่อให้เหมาะกับร่างกายคน ๆ นั้นมากที่สุด โดยมีรูปแบบการให้บริการเป็น 2 กลุ่ม

  • ลูกค้ารายบุคคล เป็นระบบสมาชิก (subscription) สามารถสมัครรับบริการได้ตั้งแต่ 1/3/6/12 เดือน หรือจะขอใช้บริการครั้งเดียวก็ได้ โดยค่าบริการผลิตวิตามินและจัดส่งถึงบ้านจะอยู่ที่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือน และมีค่าตรวจเลือดจะอยู่ที่ 4,000 – 10,000 บาทต่อครั้งซึ่งปีหนึ่งควรตรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้งและหลังจากทานวิตามินไป 3-6 เดือนก็ควรเจาะเลือดในรายการที่มีปัญหาเพื่อติดตามผล
  • ตลาดลูกค้าองค์กร โปรแกรมดูแลสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานในองค์กรต่าง ๆ โดยในปัจจุบัน ไวตาบูสท์ได้เข้าไปดูแลแก้ปัญหาด้านสุขภาพของผู้บริหารและพนักงานที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้กับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์และ start-up ชื่อดังหลายราย

ศรัณย์ ชัยปาณี ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไวตาบูสท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  จุดเด่นของไวตาบูสท์  คือ ความง่าย  ทำให้การทานวิตามินแบบได้ผลและปลอดภัยเป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องปวดหัวว่าจะเลือกทานอะไร ปริมาณเท่าไหร่ นานเท่าไหร่ และผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการจัดวิตามินและอาหารเสริมลงกล่องยาในแต่ละวัน  ความปลอดภัย  โดยโปรแกรมระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) Vitalyzer ช่วยแพทย์ในการคำนวณปริมาณ ชนิดของอาหารเสริมที่เหมาะสมของแต่ละคน โดยดูจากผลเลือด และยังมีระบบช่วยจดจำและหยุดการทานต่อเนื่องโดยอัตโนมัติโดยวิตามินที่เใช้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% เกรดมาตรฐานระดับเทียบเท่ายา (pharmaceutical-grade) ซึ่งมีคุณภาพและการออกฤทธิ์สูงกว่าอาหารเสริมเกรดอาหาร (Food grade) ทั่วไป

ความสะดวก  มีบริการส่งพยาบาลวิชาชีพไปเก็บตัวอย่างเลือดถึงบ้านเพื่อประหยัดเวลาการเดินทาง เข้าคิวรอ และเรายังมีบริการส่งวิตามินรายเดือนไปถึงบ้านโดยขนส่งเอกชน และความประหยัด มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการไปซื้ออาหารเสริมชนิดเดียวกันและเกรดระดับเดียวกันทานเอง โดยค่าวิตามินเริ่มตั้งแต่ 1,100 – 7,100 บาทต่อเดือน ตามโปรแกรมและแพคเกจ และบริการของไวตาบูสท์มีราคาถูกกว่าศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยอื่นอยู่มากพอสมควร

นอกจากนี้ไวตาบูสท์ยังมี แอพพลิเคชั่น Vitaboost ซึ่งทำหน้าที่สมุดพกสุขภาพเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆไว้ในมือถือ และสามารถสมัครขอรับบริการวิตามินปรุงเฉพาะบุคคลได้โดยตรงจากในแอพพลิเคชั่นผ่านบัตรเครดิตอีกด้วย

โดยโปรแกรมเสริมสุขภาพของไวตาบูสท์มีให้เลือกดังต่อไปนี้ตามเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน ประกอบด้วย Anti-aging Total Solution – โปรแกรมชะลอวัยฟื้นฟูร่างกายจากภายในแบบองค์รวม  Healthy Heart – โปรแกรมดูแลสุขภาพหัวใจและลดไขมันในหลอดเลือด   Cancer Risks Reduction – โปรแกรมลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง  Beauty and Skin Enhancement – โปรแกรมเสริมความงามและบำรุงผิวพรรณจากภายใน Sustainable Weight Management – โปรแกรมลดน้ำหนักแบบยั่งยืน  Men’s Total Care – โปรแกรมดูแลสุขภาพคุณผู้ชายจากภายในแบบองค์รวม

นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมเสริม (Add-on program) ประกอบด้วย  SleepWell – วิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยให้นอนหลับง่ายและสบายขึ้น  Smart Brain – วิตามินและอาหารเสริมที่ช่วยให้สมองสดใสขึ้น ความจำดีขึ้นสำหรับผู้ใช้สมองหนัก  Stronger Bone – วิตามินและอาหารเสริมสำหรับเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อ  Liver Care – วิตามินและอาหารเสริมสำหรับบำรุงตับ และ Sport Enhancement – วิตามินและอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะในการเล่นกีฬา

ศรัณย์ ชัยปาณี กล่าวถึงแนวทางการทำการตลาดว่า จะเน้นการทำประชาสัมพันธ์แบบ IMC (integrated marketing communication) แบ่งเป็น online และ offline โดยด้านออนไลน์จะเน้นโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram, Line@ เพราะเข้าถึงตรงสู่มือถือผู้บริโภค และทำออฟไลน์ควบคู่กันไปโดยการออกบูธตามที่ต่าง ๆ และออกอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับด้านความงาม สุขภาพและเทคโนโลยีโดย เป็นพันธมิตรร่วมกับบริษัทต่างๆ เช่น บริษัทประกันชีวิต ค่ายมือถือ ฟิตเนส บริษัทบัตรเครดิต และสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ก็กำลังทำตลาดกลุ่ม expats ที่อยู่ในประเทศไทยโดยการนำเสนอลูกค้ากลุ่มองค์กร และเริ่มทำ health and wellness tourism โดยสร้างศูนย์ Wellness Center ที่เอกมัยและทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัททัวร์ต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า

นอกจากนั้น ไวตาบูสท์ได้เริ่มศึกษาบุกตลาดพม่าโดยได้เริ่มจ้างแพทย์ชาวพม่าตั้งแต่เดือน ก.ค. 2560 เพื่อดำเนินการจัดตั้งและขออนุญาตต่าง ๆ เพื่อเอาโมเดลของเราไปทดลองในตลาดพม่า ซึ่งระบบ Vitalyzer ของเรานั้นสามารถช่วยคำนวณวิตามินได้สำหรับคนทุกชาติ ทุกศาสนาเพราะเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นศาสตร์สากล และเรามีแผนที่จะบุกตลาด CLMV ด้วย

โดยเป้าหมาย รายได้ในปี 2017 ตั้งเป้า ที่ 10 ล้านบาท และ ปี 2018 ตั้งเป้าที่ 25 ล้านบาท ส่วนผู้ใช้บริการ ตั้งเป้า 500 คนในปี 2017 (ปัจจุบันหลังเริ่มให้บริการมค-กค 2017มีผู้ใช้บริการ 230 คน) ฐานลูกค้าปัจจุบัน มาจากคนที่รู้จักไวตาบูสท์จาก social media, การออกบูธ , Words of mouth จากผู้ใช้ไวตาบูสท์ที่ใช้ดีแล้วบอกต่อ มีอายุตั้งแต่ 20-75 และโดยตั้งเป้าว่าไวตาบูสท์จะมีส่วนแบ่งตลาด 1% ของตลาดอาหารเสริมและวิตามินภายใน 5-7 ปี

ศรัณย์กล่าวว่า วิตามินปรุงเฉพาะบุคคลไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย มีการให้บริการนี้ในโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วและได้ผลลัพธ์ดีมากต่อผู้ใช้บริการ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องราคาที่สูงมาก ค่าวิตามินเดือนละหลัก 15,000 – 30,000 บาทต่อเดือนจึงทำให้ผู้ใช้บริการจำกัดอยู่ในระดับกลุ่ม A และ B+ และยังไม่ได้เป็นที่แพร่หลาย แต่ไวตาบูสท์สามารถตั้งราคาได้ต่ำกว่า เนื่องจากมีโรงงานในการผลิตวิตามินเอง ซึ่งราคาจะต่ำลงกว่านี้ได้อีกโดยเฉพาะค่าบริการการตรวจเลือด ที่วันนี้ยังต้องส่งต่อออกไปตรวจภายนอก อนาคตจะมีการลงทุนซื้อเครื่องตรวจเลือด โดยใช้เงินลงทุนราว 10 ล้านบาท ก็จะทำให้สามารถให้บริการตรวจเลือดได้ในราคาเพียง 3,000-4,000 บาท

“เป้าหมายของเราคือต้องการที่จะจับตลาดกลุ่มผู้ที่ซื้อวิตามินและอาหารเสริมรับประทานเองอยู่แล้วให้มีทางเลือกที่ปลอดภัยขึ้น ได้ทานวิตามินที่มีคุณภาพดีที่สุด เหมาะกับตัวเองที่สุด ในราคาที่จับต้องได้