การประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่ว่ากันด้วยการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานธิบดีคนดัง กลายเป็นความกังวลของทั่วโลก ที่ประเทศมหาอำนาจหนึ่งในผู้ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนรายใหญ่ที่สุด กลับเมินเฉยกับปัญหาสำคัญของโลกเช่นนี้
การเติบโตของเมืองในวันนี้สวนทางกับการแก้ปัญหาโลกร้อน ประชากรโลกที่ขยายตัวมากขึ้น เมืองใหญ่เกิดขึ้นมากมายทั่วโลก ทำให้ความต้องการพลังงานก็แผ่ขยายไปตามผู้คน คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้โลกกลับมาสดใส มีอายุยืนยาว
แต่ถ้าไม่เริ่ม ก็คงไม่มีวันเห็น !!!
“เราช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเป็นสีเขียวมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์มากขึ้น โดยใช้ทรัพยากรน้อยลง และช่วยให้ทุกคนเข้าถึงเทคโนโลยีได้”
แนวคิดของภาคการผลิตเอกชนที่น่ายกย่องนี้ มาจาก อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิก หรือชื่อเดิมที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกว่าว่า ซีเมนส์ เซมิคอนดักเตอร์ แบรนด์เดียวกับผู้ผลิตรถไฟฟ้าบีทีเอส กลุ่มบริษัทวิศวกรรมยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน
โดยอินฟิเนียนฯ คือผู้ผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ชิ้นส่วน IC (Integrated Circuit) ที่เป็นเหมือนมันสมองของสิ่งประดิษฐ์ในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุปกรณ์สื่อสาร ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้รถยนต์มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนที่ดีขึ้น แต่ช่วยลดการปล่อยของเสีย ควันพิษ ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้ยานยนต์มีความฉลาด ปลอดภัย ลดการสูญเสียบนท้องถนน และระบบไฮบริดที่ทำให้รถยนต์ลดการใช้น้ำมันลง เกิดจากเซมิคอนดักเตอร์ที่เฉลียวฉลาด เช่นเดียวกับในสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่มีขนาดบางและเบาลง มีวงจรการชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ช่วยืดอายุแบตเตอรี่ได้ยาวนาน ล้วนมาจากความชาญฉลาดของเซมิคอนดักเตอร์เช่นกัน ชิ้นส่วน IC
สำหรับในประเทศไทย อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิก ได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOA) ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Electronics Cooperation (KIAEC) มีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบนิเวศด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ เพื่อสร้างวิศวกรด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์ในอนาคตพร้อมต่อยอดความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย
โดยกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สจล. และ อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ประกอบด้วย 1) พัฒนาการให้การศึกษาด้านไมโครคอนโทรลเลอร์และไอซีสำหรับยานยนต์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษาและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพการวิจัยและพัฒนาด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ 2) โครงการที่ร่วมมือกันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการนำไปใช้งาน หนึ่งในหัวข้อที่มุ่งเป้าคือการประยุกต์ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฮบริด ได้แก่ อินเวอร์เตอร์ ระบบการจัดการแบตเตอรี่ และอุปกรณ์แปลงผันระดับแรงดัน 3) การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Academy เป็นครั้งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน 4) ผู้ให้การอบรมแก่นักศึกษาหรือวิศวกรจากหน่วยงานภายใน และองค์กรหรือบุคลากรจากภายนอก คืออาจารย์และผู้เชี่ยวชาญจาก สจล. ศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Academy จะแล้วเสร็จและเปิดการอบรมในปี 2561 เป็นต้นไป
แอนโตนีโอ โมเน็ตติ ผู้อำนวยการการตลาด แผนกยานยนต์ และผู้อำนวยการส่วนการพัฒนาธุรกิจประเทศไทย บริษัทอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่ประเทศไทย เป็นทั้งศูนย์กลางด้านยนต์ และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน โดยมีรากฐานระบบนิเวศที่มั่นคงสำหรับยานยนต์ ทั้งรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์โดยสาร และรถจักรยานยนต์ นับเป็นโอกาสถึงสองชั้น ทั้งในเรื่องของการจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานในการสรรหาวัตถุดิบ (Sourcing Base) เพื่อการส่งออก
แนวคิดเริ่มต้นหลักของศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KIAEC คือการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แห่งแรกในอาเซียน โดยในความร่วมมือครั้งนี้ อินฟิเนียนจะให้การสนับสนุนเทคโนโลยีล้ำหน้าด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แก่ศูนย์ฝึกอบรมฯ พร้อมทั้งสร้างหลักสูตร ถ่ายทอดความรู้ให้กับทีมฝึกอบรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเปิดให้บริการกับทุกภาคส่วน ทั้ง สจล. รวมไปถึงภาครัฐ และภาคเอกชนภายนอก
แอนโตนีโอ โมเน็ตติ
ผู้อำนวยการการตลาด แผนกยานยนต์ และผู้อำนวยการส่วนการพัฒนาธุรกิจประเทศไทย
บริษัทอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอเชีย แปซิฟิค จำกัด
โมเน็ตติ กล่าวว่า สจล. เป็นที่ยอมรับในฐานะสถาบันชั้นนำที่เป็นผู้บุกเบิกในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยสถิติการสร้างวิศวกรมืออาชีพที่เป็นที่ยอมรับเป็นจำนวนมากให้กับทุกภาคอุตสาหกรรม โดยความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะมุ่งเน้นที่การสร้างงานวิจัยและพัฒนาด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์แล้ว ยังรวมถึงการสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะครบถ้วนเพื่อรองรับการพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco-cars) และรถยนต์อัจฉริยะ (Smart Cars) เป็นส่วนหนึ่งของยานยนต์ยุคหน้า (Next Generation Automotive) ที่แนวโน้มยานยนต์โลกจะมุ่งมามากขึ้น ภายใต้นโยบายการขับเคลื่อนนวัตกรรม Thailand 4.0 ของรัฐบาล
ด้าน รศ.ดร.คมสัน มาลีสี คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ความร่วมมือกับอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์นี้ สอดคล้องกับแผนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทยซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนา ผลิต และประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในปี 2564
รศ.ดร.คมสัน กล่าวต่อว่า การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ KMITL-Infineon Automotive Electronics Cooperation คือก้าวย่างที่สมบูรณ์แบบในการพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสำหรับยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ และนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล สำหรับสจล. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นหัวใจของความสำเร็จสำหรับการพัฒนาอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์สำหรับอนาคต เราสร้างโครงการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งหลักสูตรการฝึกอบรมเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับประเทศในการมุ่งหน้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Industry 4.0 ดังนั้น อนาคตอีก 20 ปีข้างหน้าต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้
“รถไฟฟ้า หรือ EV ได้กลายเป็นเทรนด์ของโลก ประเทศไทยจึงต้องเดินหน้าเข้าสู่ EV เพราะเราเป็นฐานการผลิตรถยนต์รายใหญ่ของภูมิภาค แต่ที่ผ่านมาบทบาทของไทยเป็นเพียงการรับจ้างผลิต แต่ไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ทั้งที่เรามีการพัฒนาด้านนี้มากว่า 20 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครขับเคลื่อน ขาดความพร้อม การส่งคนไปดูงาน ฝึกงานต่างประเทศเป็นเรื่องล้าสมัย ต้องเปลี่ยนเป็นความร่วมมือผนึกแน่น ถ่ายทอดความรู้ให้กันเช่นนี้ โลกเทคโนโลยีในวันนี้ปิดกั้นไม่ได้ ต้องเปิดออกเพื่อให้เกิดการต่อยอด และคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ “ไทยแลนด์ 4.0 คงเกิดขึ้นไม่ได้ หากเรายังรับจ้างผลิตตามออเดอร์ต่อไป ไม่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา”
“โดยเฉพาะนวัตกรรมยานยนต์ที่ลดการใช้พลังงาน และคืนสีเขียวให้กับโลกเช่น EV”
