ซีพีเอฟ ปูทางรับเทรนด์ผู้สูงวัย เปิดตัว Smart Meal กินมังสวิรัติสะดวก 24 ชั่วโมง

2398

“ถ้าไม่ต้องการกินยา เราต้องเริ่มที่อาหาร”

สุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่(ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) บอกมาถึงคนไทยทุกคนที่ในอีก 8 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่ประเทศของสังคมสูงวัยอย่าเต็มตัว ด้วยจำนวนประชากรสูงอายุที่จะมีมากถึงเกณฑ์ 20%   ของประชากรประเทศ หรือราว 14 ล้านคน

สุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข

ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่(ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)

 

หากไม่นับการตายจากอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตคนไทยปีละมากมาย วันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ทำให้ผู้คนทั้งคนไทยและทั่วโลกอายุยืนยาวขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะช่วงครึ่งหลังของชีวิตผู้คนส่วนใหญ่จะต้องพบเจอกับโรคภัยที่ไม่ติดต่อ ทั้งความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ เบาหวาน เส้นเลือดตีบ โรคเก๊า จนไปถึงมะเร็ง  ซึ่งโรคทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากการทานอาหาร และทำให้ชีวิตในช่วงสุดท้ายมีแต่โรคภัย เจ็บป่วย เข้า-ออกโรงพยาบาลกันจนเป็นบ้านหลังที่ 2

ปัญหานี้กลายเป็นโอกาสให้กับ ซีพีเอฟ บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของเมืองไทย มองโอกาสในการสร้างตลาดอาหารแนวใหม่ ที่ไม่ผูกติดกับการเป็นบริษัทที่เติบโตขึ้นมาจากอาหารเนื้อสัตว์ ที่บังเอิญไปพ้องกับอักษรย่อ ทั้ง C-Chicken , P-Pig และ F-Fish  หันมาเจาะตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ ใช้เวลาถึง 2 ปีในพัฒนาอาหารแช่แข็งมังสวิรัติเข้าสู่ตลาด ในชื่อ”Smart Meal”

“กลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารมังสวิรัติในประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อย และยังมีโอกาสเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยความยากลำบากในหารับประทาน ทำให้บางคนเลือกรับประทานเป็นบางโอกาส เช่น ในวันพระ หรือในวันเกิด ความไม่สะดวกในการหาอาหารมังสวิรัติรับประทาน สะท้อนผ่านตัวเลขมูลค่าตลาดอาหารพร้อมทานที่มีมูลค่าโดยรวมอยู่ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่เป็นอาหารมังสวิรัติเพียง 2,500 ล้านบาท โดยเฉพาะในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า แต่ละปีจะมีมูลค่าการจำหน่ายอาหารมังสวิรัติ หรืออาหารเจ เพียงปีละ 250 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก”

2 ปีที่ซีพีเอฟ ใช้ไปในการพัฒนา สมาร์ท มีล คือการมองหาวัตถุดิบเครื่องปรุงที่เป็นประโยชน์ทดแทนเครื่องปรุงเดิมที่มีส่วนในการทำลายสุขภาพ อาทิ การใช้ดอกเกลือที่ไม่ผ่านการฟอกขาว และมีคุณค่าทางอาหาร 100% มาใช้ให้ความเค็ม  ใช้น้ำตาลจากมะพร้าว ที่ให้พลังงานต่ำ และมีค่าน้ำตาลต่ำกว่า ในการให้ความหวาน และใช้น้ำมันมะพร้าว ที่นอกจากไม่เพิ่มไขมันเลวแล้ว ยังช่วยเพิ่มไขมันดี ในการปรุงอาหาร รวมไปถึงกระบวนการในการปรุง เพื่อให้สมาร์ทมีล มีรสชาติไม่ต่างไปจากอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ทั่วไป  ไม่ใช่อาหารมังสวิรัติในใจของคนส่วนใหญ่ที่มองว่า มีคุณค่าแต่ไม่อร่อย อีกต่อไป

อาหารมังสวิรัติแช่แข็ง สมาร์ท มีล เริ่มต้นจากการวางจำหน่าย 4 เมนู ประกอบด้วย วุ้นเส้นอบเต้าหู้สามเซียนมังสวิรัติ, บะหมี่ผักโมโรเฮยะผัดพริกมังสวิรัติ, ข้าวอบฟักทองห้าเซียนมังสวิรัติ และ ข้าวผัดสาหร่ายคู่สหายมังสวิรัติ ผลิตในประมาณกล่องละ 180-200 กรัม จำหน่ายในราคา 59 บาท โดยมีแผนที่จะเพิ่มอีก 3 เมนูภายในปีนี้

นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งเพื่อสุขภาพกลุ่มสมาร์ท ที่จะตามมาในเร็วๆนี้ อีก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย สมาร์ท ซุป ซึ่งเป็น น้ำซุปสำหรับเด็ก  ผู้สูงวัย และผู้ป่วย อาทิ ซุปผัก, ซุปข้าว ฯลฯ   สมาร์ท ดริ๊งท์ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม และสมาร์ท ซอส เครื่องปรุงรส เฉพาะกลุ่ม เช่น ผู้ป่วย ผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน  ทั้ง 3 กลุ่มจะเริ่มนำเข้าสู่ตลาดในปลายปีนี้

สุขวัฒน์ มั่นใจว่า สมาร์ท มีล และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ท จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะทำยอดขายให้ได้ถึง 100 ล้านบาทภายใน 1 ปี  โดยจากการนำเสนอให้กับโมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต และซูเปอร์มาร์เก็ต ต่างได้รับเสียงตอบรับ และเป็นที่ต้องการของซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างมาก เพราะยังไม่เคยมีอาหารแช่แข็งมังสวิรัติมาก่อน อีกทั้งยังมีรสชาติที่อร่อย  ซึ่งนอกเหนือจากการวางจำหน่ายในทุกซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำแล้ว ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ก็จะเริ่มวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ด้วย เพื่อให้คนไทยหาอาหารมังสวิรัติทานได้สะดวก และตลอด 24 ชั่วโมง

สุขวัฒน์ เชิญชวนคนไทยทุกคนว่า ควรหันมาดูแลเรื่องการกินที่เป็นประโยชน์ให้มากขึ้น โดยเริ่มจากการทานมังสวิรัติเพียง 1  ใน 3 มื้อของวัน ก็จะพบว่าสุขภาพเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และเพิ่มมื้อมังสวิรัติขึ้น ก็จะได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมา และวันนี้อาหารมังสวิรัติก็จะไม่ใช่อาหารที่หาทานอยากอีกต่อไป