SAF เชื่อครึ่งปีหลังภาคการผลิตของอุตสาหกรรมจะกลับสู่ระดับก่อนโควิด พร้อมเร่งขยายตลาดสู่กลุ่ม CLMV หวังทั้งปี 66 เติบโตตามเป้า

92

‘บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล หรือ SAF’ ผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลกและการให้บริการชุบแข็งสุญญากาศ ประเมินครึ่งปีหลังภาคการผลิตของอุตสาหกรรมจะกลับสู่ระดับก่อนโควิด เดินหน้าแผนลงทุนพัฒนาคลังสินค้าแห่งใหม่ พร้อมเร่งขยายตลาดและฐานลูกค้าในกลุ่ม CLMV หวังดันผลงานทั้งปี 2566 เติบโตตามเป้า

          ดร.พิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน)หรือ SAF ผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลกและการให้บริการชุบแข็งสุญญากาศ เปิดเผยถึง แนวโน้มภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางวิศวกรรม จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พร้อมนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันและศักยภาพการดำเนินธุรกิจในฐานะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพระดับโลก โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวจากผู้ผลิตชั้นนำจากประเทศเยอรมนี เพื่อเข้าไปช่วยพัฒนาศักยภาพการแข่งขันและขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตต่อไป

           ทั้งนี้ บริษัทฯ เดินหน้าแผนการลงทุนโดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มความจุคลังสินค้าเป็น 4,000 ตัน ถือเป็นการเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้าให้ดียิ่งขึ้น สอดรับแผนเชิงกลยุทธ์ของ SAF ในการมุ่งขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV และแผนเพิ่มการให้บริการอบชุบระบบไนไตรดิ้ง ที่ทำให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รองรับกับการฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตของภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางวิศวกรรมที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

           “เราประเมินว่าภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ส่งผลดีต่อ SAF ที่จะขยายตัวอย่างเด่นชัดขึ้น รวมถึงแผนงานขยายตลาดในกลุ่ม CLMV ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีเติบโตได้ตามเป้า” ดร.พิศิษฐ์กล่าว