“อมาโด้” ก้าวกระโดดรับปี 66 พุ่งเป้า 3,000 ลบ. ปิดดีลซื้อแอร์ไทม์ช่องทีวีหลัก พร้อม “ส่งความสุขทุกการสั่งซื้อ”

206

อมาโด้ ประกาศเป้าปี 2566 แตะ 3,000 ล้านบาท เดินหน้าลุยตลาด “ทีวีช้อปปิ้ง” วางงบการตลาดทีวีซื้อแอร์ไทม์ 400 ล้านบาท เน้นเรตติ้งประสิทธิภาพจากช่องทีวีชั้นนำของประเทศที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเป้าหมาย เตรียมผงาดขึ้นแท่นตลาดทีวีช้อปปิ้งไทย รับปีกระต่ายทอง 2566 พร้อมปรับแผนนโยบายองค์กรมุ่งเน้นการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ เสริมทัพด้วยสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค 

นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี ที่อมาโด้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เรามีจุดยืนคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจ ซึ่งปีนี้อมาโด้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านสุขภาพและความงามหลายชนิด อีกทั้งองค์กรขยายธุรกิจมาลุยตลาดทีวีช้อปปิ้ง ที่ผ่านมานั้น อมาโด้มีจุดแข็งด้านความสามารถในการคัดสรรช่วงเวลาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของสถานีโทรทัศน์ชั้นนำในประเทศ มาผนวกเข้ากับ Data Driven Marketing เครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพ ในการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นตรงกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง สามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งนอกจากการนำสินค้าสุขภาพและความงามจากอมาโด้มาจำหน่ายแล้ว อมาโด้ยังมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจัดสินค้าโปรโมชั่นพิเศษจัดจำหน่ายผ่าน “อมาโด้ ช้อปปิ้ง” (amado shopping)

ในปีหน้า 2566 อมาโด้ได้วางเป้าหมายของบริษัทไว้ที่ 3,000 ล้านบาท โดยยึดหลักสถิติ ความเป็นไปได้ของสภาวะเศรษฐกิจ การเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม รวมถึงโครงสร้างภายในขององค์กร โดยใช้งบประมาณการตลาดด้านทีวีช้อปปิ้งเบื้องต้นกำหนดไว้ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ปิดดีลซื้อแอร์ไทม์ที่มีประสิทธิภาพกับช่องทีวีหลัก ได้แก่ อมรินทร์ทีวี, สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และ ช่อง MONO29, Workpoint TV, PPTV HD36  ส่วนช่องอื่น ๆ จะต้องมีการประเมินความความคุ้มค่าและปรับแผนระหว่างปี 2566 อีกครั้ง โดยภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจทุกภาคส่วนเรายึดหลักความถูกต้อง คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค และคุณภาพของสินค้า ซึ่งอมาโด้ช้อปปิ้งอยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานรัฐ โดยด้านการออกอากาศรายการและเนื้อหาจะมี กสทช.กำกับดูแล, คุณภาพสินค้ามี สคบ. กำกับดูแล และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของอมาโด้ก็จะต้องผ่าน อย. 

กลยุทธ์การตลาดในปีนี้ อมาโด้ยังใช้กลยุทธ์สื่อสารการตลาดในการสร้างการตอกย้ำในตราสินค้า ด้วยพรีเซ็นเตอร์จากซูเปอร์สตาร์คนเดิม โดยต่อสัญญา “ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์”  นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 พร้อมเปิดตัวคอลลาเจนสูตรใหม่ “อมาโด้ โกลด์ คอลลาเจน พลัส เซราไมด์” (Amado Gold Collagen Plus Ceramide) และในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยังคงแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้าด้านความงาม สินค้าด้านสกินแคร์ ซึ่งในปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้ อมาโด้ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าคุณภาพใหม่ ๆ เพื่อคนไทยต่อไป”

ความสำเร็จของอมาโด้เกิดจากแก่นในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญ (Core Business) 3 ด้าน ดังนี้

1. Research & Development คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง 

2.สร้างช่องทางขายที่หลากหลายและทรงประสิทธิภาพที่ตอบสนองทันทีทันใด (Real-Time Strategic Platform) 

3.การขับเคลื่อนการตลาดด้วยข้อมูล หรือ Data Driven Marketing ด้วยการนำข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์หาความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก (Customer Insight) สู่การออกแบบโปรโมชั่นและนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการดังกล่าว ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายได้เพิ่มมากขึ้น ด้วยคำมั่นสัญญา “We Live For Your Health”

“ปีนี้นับเป็นปีแห่งความสำเร็จของอมาโด้ นอกจากในด้านการเติบโตขององค์กรสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำและทีวีช้อปปิ้งแล้ว เราได้รับความไว้วางใจจากคนไทยที่มีให้แก่แบรนด์สินค้าอมาโด้ จากการรับ 4 รางวัลอันทรงเกียรติ ได้แก่ No.1 Brand Thailand จาก Marketeer (ต่อเนี่องเป็นปีที่ 3), Thailand’s Most Admired Brand จาก BrandAge (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2), Superbrands Thailand Award (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2) และ PRODUCT OF THE YEAR AWARDS จาก BUSINESS+ (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3) ซึ่งเป็นการรันตีคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินแบรนด์อมาโด้ ทั้งนี้ในส่วนยอดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้และต้นปีหน้า เชื่อว่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากกระแสรักสุขภาพยังคงเติบโต ส่งผลให้ผู้คนมองหาและเลือกจับจ่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อเป็นของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน” นายธนาตรัยฉัตรกล่าวปิดท้าย