วงการบันเทิงไทยจีน จัดเสวนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ในวาระ 47 ปี “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”

204

สำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน (National Radio and Television Administration) หรือ NRTA ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, บริษัท เซนจูรี่ ยูยู เทคโนโลยี จำกัด และสถานีวิทยุและโทรทัศน์มณฑลเจียงซู ประเทศจีน จัดเสวนา “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ภายใต้หัวข้อ “โอกาสและศักยภาพความร่วมมือในวงการอุตสาหกรรมวิทยุ และโทรทัศน์ระหว่างจีน-ไทย” รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อให้ทิศทางการสร้างเนื้อหาเป็นไปตามมาตรฐานและเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับชิ้นงาน

นายเหยน เฉิงเซิ่ง อธิบดีกรมการต่างประเทศสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน สำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้แพร่หลายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกมีพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ผู้คนส่วนใหญ่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มีโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละประเทศได้ให้ความสำคัญในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การเข้าถึง การเผยแพร่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล การติดต่อสื่อสาร การดำเนินงานทางธุรกิจ การทำธุรกรรมต่างๆ หรือแม้กระทั่งการใช้เวลาว่างในการหาความบันเทิงทางภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์

หลายปีที่ผ่านมา ภาคส่วนสื่อวิทยุและโทรทัศน์จีน-ไทย ได้มีความร่วมมือกันอย่างรอบด้าน จุดประกายความร่วมมือด้านวัฒนธรรมอย่างโดดเด่นระหว่างสองฝ่ายและทั่วภูมิภาค สามารถสร้างพลังขับเคลื่อนพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์และวิทยุ รวมถึงพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลให้เจริญก้าวหน้า เพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์จีน-ไทยให้พัฒนาร่วมกัน

การจัดกิจกรรมเสวนาออนไลน์ระหว่างประเทศ “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านวิทยุและโทรทัศน์ ภายใต้หัวข้อ “โอกาสและศักยภาพความร่วมมือในวงการอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์ระหว่างจีน-ไทย” พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือในประเด็นต่างๆ อาทิ การแสดงบทบาทเสริมสร้างความมั่นคงเสถียรภาพในการพัฒนามิตรไมตรีสัมพันธ์ระหว่างจีนไทย, การสานบทบาทในการเป็น “เครื่องขยายเสียง” แห่งการกระชับมิตรสัมพันธ์ และสานบทบาทในการเป็นจักรกลขับเคลื่อนความก้าวหน้าร่วมกัน โดยใช้โอกาสใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยี ผ่านการเสวนาที่พูดถึงวงการด้านอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์ของสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทยใน รวมถึงนิทรรศการเผยแพร่รายการดีเด่นจีน-ไทย เป็นต้น

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ บมจ.บีอีซี เวิลด์ กล่าวว่า “บีอีซี เวิลด์ หรือช่อง 3 มีการจัดทำละครมาทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองความนิยมของคนไทยเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีและพื้นฐานการรับชมของดูเปลี่ยนไป ความเป็นสากลที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามีผู้ชมจากหลายประเทศ ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในนั้นและเป็นผู้ชมส่วนใหญ่ของช่อง 3 ทำให้แนวโน้มการทำงานเปลี่ยนแปลงในทิศทางการทำละครที่ตอบโจทย์คนดูในประเทศจีนมากขึ้น ที่มากกว่านั้นคือในระยะต่อไป เราอาจจะร่วมมือกับประเทศจีน หยิบรสนิยมของคนไทย-จีน ที่คล้ายกันมาศึกษา ใช้กับการเล่าเรื่อง ออกแบบฉาก วางแนวทางการทำละครให้มีคุณภาพ เพื่อสนองตอบความต้องการทั้งในตลาดไทยและจีน”

นางอรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดละครและกรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด และโปรดิวเซอร์ละคร “บุพเพสันนิวาส” เผยว่า สำหรับประเทศไทย จีนหรือในเอเชียที่มีวัฒนธรรมบางส่วนคล้ายคลึงกัน เราต้องดูกฎระเบียบหรือศึกษาการเซ็นเซอร์เนื้อหาให้เหมาะสมกับบริบทในประเทศนั้นๆ ส่วนด้านเนื้อหาก็ต้องคัดสรรมาเป็นอย่างดี มีความสนุกสนาน เช่นละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเราสามารถสอดแทรกวัฒนธรรมไปในละครได้ เราได้แสดงถึงความแข็งแรงด้าน Soft Power ที่ครอบคลุมเรื่องการแต่งกาย อาหารไทย การท่องเที่ยว ผ่านบทละครที่ดีและการสร้างสรรค์บนความตั้งใจ เพื่อให้งานออกมามีคุณภาพ สามารถสร้างกระแสและสร้างเรตติ้งได้สูง แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีปัจจัยด้านดิจิทัลเข้ามา แต่ถ้าเรามีคอนเทนต์ที่คนดูชอบ พวกเขาก็ยังเลือกดูทีวีอยู่

“ดังนั้น จึงเป็นการบ้านที่ประเทศไทยต้องให้ความสนใจที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย รวมทั้งประเทศจีน เพราะเนื้อหาทั้งด้านบทประพันธ์หรือบทโทรทัศน์จะกลายเป็นส่วนที่สำคัญ และทำให้งานโปรดักชั่นออกมาดี มีความสมจริงละเอียด และเป็นละครที่คนเข้าใจได้ทั่วโลก”

รศ.ดร.ปรีดา อัครจันทโชติ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า “ในแง่ของวิชาการแล้ว สมัยก่อนเราสอนบุคลากรด้านสื่อโดยนึกถึงเฉพาะการทำงานสเกลในประเทศไทยทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้ที่เราต่างมีละครชมผ่านแพลตฟอร์ม สตรีมมิ่งต่างๆ ที่ผู้ชมมีจำนวนมากขึ้นและไม่ใช่เฉพาะผู้ชมในประเทศอย่างเดียว มีจำนวนผู้ชมนับรวมไปถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ชมชาวจีนที่ชื่นชอบละครไทยอย่างมาก จึงเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่เราต้องพัฒนาการสอนหรือฝึกการทำงาน โดยต้องคิดไปถึงสเกลที่ใหญ่กว่าผู้ชมในประเทศ หรือด้านการศึกษาวิจัยต่างๆ ก็ต้องคำนึงถึงตลาดโลก และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีในภายภาคหน้าที่เราจะได้เห็นความร่วมมือระหว่างไทยและจีน ศึกษาผู้บริโภคของทั้งสองประเทศร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์งานที่ดีต่อไปในอนาคต”

นายตฤนธัฬห์ ดนพ ผู้กำกับซีรีส์และภาพยนตร์ ภายใต้บริษัท จินเล่อ มีเดีย เวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “วิสัยทัศน์หลักขององค์กรคือการเปิดโลกที่ไร้พรมแดน ซึ่งมีความคล้ายกับวัฒนธรรมบนออนไลน์แทบจะทุกประเทศ ที่มักมีเทรนด์ มีกระแส มีการทำตามกัน หรือมีการแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นรวดเร็วในสื่อใหม่ๆ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับ New Media ที่หากเราต้องการทำละครสักเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่แค่ว่าเราจะคิดถึงคนดูเฉพาะในประเทศไทยหรือจีนได้อย่างเดียว เราอาจต้องมองถึงคนดูทั่วโลกด้วยซ้ำ รวมทั้งเราอาจต้องดูในแง่ของเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น สมัยก่อนละครจีนในไทยส่วนใหญ่เป็นเรื่องกำลังภายในหรือราชสำนัก แต่ปัจจุบันเราจะเห็นแฟนซีรีส์เนื้อหาวัยรุ่นมากขึ้น เพราะถ้าเราจับกระแสได้อย่างหนึ่ง เราจะทำได้ทั้งสร้างกระแส เป็นผู้นำกระแส หรือเอากระแสที่มีอยู่เดิมมาใช้ได้ และสามารถสร้างละครที่เป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลกได้เช่นกัน”