หลังจาก “D7” (ดี เซเว่น) เปิดตัวด้วยกาแฟกระป๋องพร้อมสโลแกนที่คุ้นหูคนไทยอย่าง ‘หอม เข้ม สะกิดใจ’ จนสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดกาแฟกระป๋องได้ไม่น้อย ต่อมาก็มีการพัฒนาสูตรและออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลากหลายชนิด ล่าสุดก็คือ “D7 คอมบูชะ” ชาหมักผสมไฟเบอร์ จับตลาดคนรุ่นใหม่รักสุขภาพ พร้อมชูพรีเซ็นเตอร์สายวาย “มาย-อาโป” ดันกระแสหวังขึ้นแท่นเจ้าตลาดเครื่องดื่มสุขภาพ คาดปีนี้ยอดขายรวมไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท
นายจักรกฤช สุขวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟพร้อมดื่มสำเร็จรูปแบรนด์ D7 เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ D7 อย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาไลน์สินค้าเดิมและการพัฒนาสินค้าใหม่ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้พัฒนาเครื่องดื่มใหม่ออกสู่ตลาดรับไตรมาสสุดท้ายคือ “D7 คอมบูชะ” เพื่อให้เป็นเครื่องดื่มของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยคัดสรรใบชาอู่หลงที่มีกลิ่นหอมเฉพาะ และหมักด้วยกรรมวิธีที่ได้มาตรฐานนานถึง 30 วัน จนได้รสชาติอร่อยดื่มง่ายและส่งผลดีกับสุขภาพ อาทิ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายและปรับสมดุลลำไส้ให้ทำงานปกติ
มีให้เลือก 2 รสชาติคือ รสออริจินัล บรรจุในกระป๋องสีเขียว มีไฟเบอร์พรีไบโอติก 7000 มิลิกรัม และรสผสมนมเปรี้ยว บรรจุในกระป๋องสีฟ้า มีไฟเบอร์พรีไบโอติก 6000 มิลลิกรัม ซึ่งไฟเบอร์ชนิดนี้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในกลุ่มของ function food additive ทำหน้าที่เป็นอาหารสำคัญของไพรไบโอติกที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง ให้พลังงานต่ำ ช่วยให้อิ่มท้อง ลดการอยากอาหาร เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังเสริม วิตามิน B3, B5, B6 และวิตามิน D ซึ่งวิตามินในกลุ่มนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้คลายจากอาการซึมเศร้า กระตุ้นภูมิ และช่วยดูดซับแคลเซียมได้ดี สามารถจัดเก็บได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น
นายจักรกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องดื่ม D7 คอมบูชะ โดยใช้ “โบ เมลดา” เป็นตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่จับกลุ่มไฮเอนด์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ มีผลตอบรับที่ดีมาก สำหรับในไตรมาสสุดท้ายนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “มาย-อาโป” ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นกระแสในเรื่องความเท่าเทียมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นศิลปินในกลุ่ม rising star ที่มีผลงานที่โดดเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงคาดว่าทั้งคู่จะสามารถสร้างกระแสและผลักดันสินค้าให้ผงาดในตลาดเครื่องดื่ม และขึ้นแท่นเจ้าตลาดเครื่องดื่มสุขภาพของไทย คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายนี้จะสามารถโกยยอดขายรวมส่งท้ายปี 2565 ได้ 200 ล้านบาทอย่างแน่นอน
“บริษัทฯ ได้จัดสรรงบประมาณสำหรับทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ตลอดปีนี้ จำนวน 100 ล้านบาท ทั้งภาพยนตร์โฆษณา ออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงอัดโปรโมชั่นผ่านแคมเปญ ‘D7 รวยแหลกแจกทะลุล้าน’ ลุ้นรางวัลมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท เพียงซื้อ D7 คอมบูชะ รสชาติใดก็ได้ พร้อมส่งใบเสร็จหรือใบเสร็จออนไลน์มาที่ Line Official ของ D7 ยิ่งส่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก โดยบริษัทฯ จะทำการจับรางวัลทุกสัปดาห์ ตั้งแต่วันนี้-6 พฤศจิกายน 2565”
ปัจจุบันเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ D7 แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) D7 แลคโต น้ำองุ่นขาวผสมนมเปรี้ยว มี 5 รสชาติ คือ องุ่น ลิ้นจี่ ส้ม ผลไม้รวม และออริจินัล 2) D7 กาแฟและชาไทยกระป๋องพร้อมดื่ม 3) D7 Kurve ชาไทย 4) D7 Zlim และ D7 Beautie กาแฟผสมไฟเบอร์ แอลคานิทีน และคอลลาเจน 5) D7 คอมบูชะ ชาหมักผสมไฟเบอร์ โดย D7 คอมบูชะ วางจำหน่ายทั้งร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น, โลตัส, กรูเมต์มาร์เก็ต, ท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต, ฟู้ดแลนด์, วิลล่า มาร์เก็ต ฯลฯ รวมถึงช่องทางออนไลน์ชั้นนำ เช่น ช้อปปี้, ลาซาด้า เป็นต้น จัดจำหน่ายในราคาปลีกกระป๋องละ 30 บาท ซึ่งเป็นราคาขายต่อหน่วยที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ หากเทียบกับเครื่องดื่มในกลุ่มคอมบูชะนำเข้าที่มีราคาเฉลี่ยประมาณ 80 บาทขึ้นไป
