ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดฯ รุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รับเทรนด์ Green Energy

610

บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ รุกใหญ่ขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน หลังยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม รับเมกะเทรนด์ Green Energy ชูจุดแข็งความมั่นคงด้านวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าและเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย ตลอดจนการจัดการวัตถุดิบและนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพเข้า Zero Waste เพื่อความยั่งยืน วางเป้าหมายขยายกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 29.7 เมกะวัตต์ โดยมีโรงไฟฟ้าขยะชุมชนอีก โครงการ ที่อยู่ระหว่างทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งจะหนุนกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเป็นกว่า 50 เมกะวัตต์  

พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายขยายการลงทุนเชิงรุกในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในอนาคต โดยเห็นโอกาสจากความตื่นตัวด้าน Green Energy หรือพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น เมกะเทรนด์’ ของโลกที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความต้องการจากพลังงานฟอสซิลที่ใช้แล้วหมดไป มาสู่การใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ก๊าซเรือนกระจก) ที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission ตามนโยบายของภาครัฐที่จะลดการปล่อยเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065  2070

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดแข็งจากการเป็นบริษัทในกลุ่มท่าฉางอุตสาหกรรมที่มีสวนปาล์มน้ำมันเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก จึงช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านการจัดหาทะลายปาล์มซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ผนวกเข้ากับจุดแข็งด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับเชื้อเพลิงชีวมวลได้หลากหลายชนิด อาทิ ทะลายปาล์มเปล่า เส้นใยปาล์ม ไม้ชิพ รากไม้สับ ฯลฯ จึงมีต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าประเภทเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเผาไหม้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้เป็นเชื้อเพลิงที่มีค่าความชื้นสูงและค่าความร้อนต่ำ จึงทำให้โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เข้าใกล้รูปแบบมลพิษเป็นศูนย์หรือ ‘Zero Waste’ ซึ่งช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมสอดคล้องกับนโยบายด้าน ESG ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคมและดำเนินธุรกิจภายใต้ธรรมาภิบาล ตลอดจนการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างสมดุลในทุกมิติ โดยภายใต้กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ จึงไม่ปล่อยมลภาวะและของเสียสู่ชุมชน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับชุมชนและสังคมโดยรอบ โดยการเปิดรับซื้อวัตถุดิบชีวมวลหลากหลายประเภทจากเกษตรกรโดยรอบ เพื่อเสริมสร้างรายได้และยังเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบแก่โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ อีกด้วย รวมถึงมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตควบคู่กับการเติบโตอย่างยั่งยืน

“โรงไฟฟ้าของเราถือว่าเป็นธุรกิจที่อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลก และสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศหรือ Power Development Plan (PDP) ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานชีวมวลพลังงานแสงอาทิตย์พลังงานลมพลังน้ำพลังงานจากขยะ ฯลฯ ให้มากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจที่จะขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น” พงศ์นรินทร์ กล่าว

ด้าน ดร.ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE กล่าวว่า บริษัทฯ จะขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่หลากหลายยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าชีวมวลและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นประมาณ 90 เมกะวัตต์ (MW) ในอีก ปีข้างหน้า และเพิ่มเป็นกว่า 200 MW ภายในปี 2575 จาก ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 MW ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า TGE TPG และ TBP ในอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาระยะยาวรวม 20.3 MW

บริษัทฯ ยังมีโรงไฟฟ้าขยะชุมชนอีก โครงการ ในจังหวัดสระแก้ว ราชบุรี และชุมพร ที่ได้รับเลือกจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และอยู่ระหว่างพัฒนา มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 22 เมกะวัตต์ และปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญารวมประมาณ 16 MW คาดว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะออกระเบียบรับซื้อไฟฟ้าและทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในไตรมาส 1/2565 และเริ่ม COD ภายในปี 2567 ทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มเป็น 51.7 MW และมีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวม 36.3 MW นอกจากนี้ ยังได้วางแผนเติบโตในระยะยาวจากการเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนกับ อปท.อีก โครงการ คาดว่าจะเปิดคัดเลือกผู้ร่วมลงทุนในไตรมาส 1/2565 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569 

ส่วน รัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนชั้นนำที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีการผลิตการผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัย การบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพจากความยืดหยุ่นด้านวัตถุดิบ และยังให้ความสำคัญกับการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตไฟฟ้า วัตถุดิบ การปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบชีวมวลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า จากความได้เปรียบเทียบด้านทำเลที่ตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลที่อยู่ในพื้นที่แหล่งเพาะปลูกปาล์มที่สำคัญ และการเป็นบริษัทในกลุ่มท่าฉางอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ 

ล่าสุด บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 600 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 27.3 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ลงทุนก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า ชำระเงินกู้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ