“ปอดอุดกั้นเรื้อรัง” ภัยร้ายใกล้ตัวคนไทย เป็นแล้วไม่หาย แต่ป้องกันได้

391

รู้หรือไม่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ โรคซีโอพีดี (COPD: Chronic Obstructive Pulmonary Disease) เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในลำดับต้นๆ ของประชากรไทย โดยในปี 2561 มีผู้ป่วยด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมากกว่า 3 ล้านคน และมีแนวโน้มการเสียชีวิตสูงขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกับทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากยังขาดความตระหนักถึงภัยร้ายจากโรคดังกล่าว ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจต่อโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จึงมีความสำคัญอย่างมาก

เนื่องในวันโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโลก ซึ่งตรงกับ 17 พฤศจิกายนในปีนี้ มีคำขวัญว่า “Healthy Lungs – Never More Important” หรือ “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีปอดที่แข็งแรง” กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับโครงการ Health Lung โดย บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย จำกัด จึงได้จัดทำคลิปวิดีโอ  เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนคนไทย ตระหนักถึงภัยของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และเล็งเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันดูแลตนเองรวมไปถึงการรักษาโรคนี้

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มากกว่า 90% มีสาเหตุจากการสูบบุหรี่หรือการสูดดมควันบุหรี่เป็นเวลานาน ขณะที่ มลพิษทางอากาศ หรือการสูดหายใจละอองสารเคมีบางชนิดเป็นปริมาณมากและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถก่อให้เกิดโรคนี้ได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้ต้องทรมานจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการไอเรื้อรัง เหนื่อย และหายใจลำบาก อันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมของถุงลมและปอด

การสังเกตอาการของผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในระยะแรกผู้ป่วยมักมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก เหนื่อย อ่อนเพลียง่าย บางรายอาจมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย หากมีอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะเหนื่อยหอบ จนไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการในระยะสุดท้ายนั้น มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ระบบการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกัน และดูแลไม่ให้อาการของโรคลุกลามได้

แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันจะพัฒนามากขึ้นจนทำให้มีวิธีการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังให้มีอาการที่ดีขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการดูแลตนเอง เช่น การกินอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การงดสูบบุหรี่, การหมั่นตรวจสมรรถภาพปอดอย่างน้อยปีละครั้ง และการพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี และการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ผู้ที่มีสุขภาพดีสามารถป้องกันโรคนี้ได้ หากไม่สูบบุหรี่ อยู่ห่างจากผู้ที่สูบบุหรี่หรือแหล่งละอองสารเคมี และออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหัวใจและสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเป็นนิสัย เช่น แอโรบิค หรือวิ่ง เป็นต้น

คลิป VDO 

https://drive.google.com/file/d/16MYZFp7vL9jNJRDeb75893DPI5Ve7vHv/view