รศ.ดร.ณัฐวุฒิ พิมพา นักวิชาการ ม.หิดล แนะ 3 ปัจจัยช่วยรัฐปลุกดัชนีเชื่อมั่นการท่องเที่ยว

5602

ภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤตมาต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 16-17 เดือนแล้ว หลังจากเผชิญกับโควิด-19 อย่างหนักมาตั้งแต่มีนาคม 2563

และยังดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวของไทยยังคงอยู่ในวิกฤตต่อไปอีกสักระยะ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังคงรุนแรงต่อเนื่อง แต่เมื่อประเทศไทยมีเป้าหมายเปิดประเทศเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ทุกภาคส่วนของประเทศไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้ประเทศอย่างไร

AIA Vitality 300x250

“รศ. ดร.ณัฐวุฒิ พิมพา” นักวิชาการด้านธุรกิจระหว่างประเทศและการจัดการความหลากหลาย วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) และผู้ประสานงานกลาง ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บอกว่า จากสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจมีแนวโน้มเกิดการระบาดระลอก 4 รวมถึงแผนนโยบายเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล

ดังนั้น หากต้องการฟื้นดัชนีความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว ประเทศต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมความเข้มแข็งใน 3 ปัจจัย ประกอบด้วย 1. ส่งเสริมการจับจ่าย-ท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Tourism) โดยเมื่อผ่านขั้นตอนของการให้บริการวัคซีนแล้ว ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่สามารถเดินทางได้ย่อมมีความเชื่อมั่นในการใช้ชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น ประเทศควรวางกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยวภายในประเทศในหลากหลายรูปแบบ

อาทิ งดเว้นการกักตัวกรณีเดินทางข้ามจังหวัด หรือเลือกโชว์พาสปอร์ตท่องเที่ยวทดแทนการกักตัว ในกรณีที่มีเอกสารทางการแพทย์ยืนยัน เช่น การรับวัคซีนครบโดส หรือมีส่วนลดพิเศษสำหรับค่าเดินทางด้วยเครื่องบิน โรงแรม กรณีท่องเที่ยวในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่กำหนดสำหรับผู้รับวัคซีนครบ ฯลฯ

ทั้งนี้ เพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแก่ชุมชน ก่อนจะขยายวงกว้างไปยังระดับจังหวัดและประเทศเป็นลำดับ

  1. เชื่อมการท่องเที่ยวอาเซียนด้วยดิจิทัลโรดแมป (Digital Roadmap) กรณีที่ภาพรวมสถานการณ์โควิดในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นในอนาคต ประเทศควรกระตุ้นให้เกิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

โดยเริ่มจากระดับเมืองต่อเมือง มากกว่าประเทศต่อประเทศ เพราะการควบคุมทำได้ยาก โดยประสานไปยังเมืองต้นทางนั้นๆ ระบุถึงกฎการเดินทางอย่างชัดเจน เพื่อขยายความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการใช้ Digital Roadmap โรดแมปขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประชาคมอาเซียนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล อย่าง Digital Tourist

การนำระบบ Digital Vaccine Passport มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ สู่การสร้างคลังข้อมูลนักท่องเที่ยว (Big Data) เพื่อให้หน่วยงานในประเทศต่างๆ สามารถติดตามหรือตรวจสอบได้ ทั้งประวัติการเดินทาง ประวัติสุขภาพ การรับวัคซีน ฯลฯ

และ 3. สร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างเทศ และประชากรไทยผ่านการใช้นวัตกรรมและการสื่อสารข้อมูล เนื่องจากเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนได้ย่อมเกิดจาก ความเชื่อมั่นในหมู่นักท่องเที่ยวและประชากรไทยที่มีต่อการนำนวัตกรรมที่ลดกระบวนการติดต่อระหว่างบุคคลในเมืองหรือประเทศนั้นๆ ว่าเมื่อตัดสินใจเดินทางแล้วจะได้รับความปลอดภัย ความสะดวกสบาย

และความชัดเจนในการสื่อสารข้อมูล โดยเฉพาะการรายงานเรื่อง “วัคซีน” ทั้งในมิติวัคซีนทางเลือกที่มีคุณภาพ แผนการนำเข้า-จัดสรรวัคซีนให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ สถิติผู้เข้ารับวัคซีนของแต่ละจังหวัด ฯลฯ ซึ่งควรจัดสรรการให้บริการวัคซีนตามเป้าที่ระบุไว้คือ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ครอบคลุม 70% ของประชากรโดยแท้จริงภายในสิ้นปี 2564

“รศ. ดร.ณัฐวุฒิ” บอกด้วยว่า จากสิทธิที่ทุกคนพึงได้รับตามมาตรฐานด้านสุขภาพสูงสุดที่ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี พ.ศ. 2489 ทุกประเทศในโลกได้ร่วมทำข้อตกลงระหว่างประเทศและร่วมมือกับรัฐบาล ในการจัดการสิทธิด้านสุขภาพให้ประชากรทั่วโลกมีสุขภาพที่แข็งแรง รวมทั้งกำหนดหน้าที่รับผิดชอบนอกอาณาเขตสำหรับความช่วยเหลือและความร่วมมือระหว่างประเทศ

ดังนั้น ในสถานการณ์โควิด-19 จะต้องมีการแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชนและความมั่นคงให้ประเทศ

และหากพิจารณาจะพบว่า การส่งเสริมการเข้าถึงวัคซีนเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำ เพราะเมื่อทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสตามจำนวนแล้ว จะช่วยเสริมสร้างรากฐานความแข็งแรง และต่อยอดสู่การขับเคลื่อนธุรกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศต่อไปในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

 กล่าวคือ ทุกคนมีสิทธิพึงได้วัคซีนอย่างเท่าเทียม

 

 

Krungthai AXA UG 300x250