วิริยะประกันภัยเปิดเกมรุกปี 64 นำเทคโนโลยี สร้างความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าตลอดกาล

920

“วิริยะประกันภัย” เปิดแผนงานการดำเนินงานปี 64 มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับ Deep Tech พร้อมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก อาทิเช่น Oracle, Microsoft และ MuleSoft ร่วมวางแผน 5 ปี เพื่อปรับสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและสร้างนวัตกรรมบริการ เผยเมื่อแผนบรรลุผลจะก้าวสู่ความเป็น Total Experience ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ จุดที่ได้สัมผัสกับวิริยะประกันภัย 

อมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ วิริยะประกันภัยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ภายใต้แผนธุรกิจปี 2564 Customer Centric : องค์รวมประสบการณ์ แห่งการเป็นอันดับ 1 ในใจลูกค้าตลอดกาล” อันเป็นผลมาจากความชัดเจนในนโยบายของวิริยะประกันภัยที่มองเรื่อง Customer Centric เป็นหลัก ตาม Philosophy ที่วิริยะประกันภัยใช้มาตลอด คือ ทำหน้าที่บริการ เป็นหลักประกันสังคม ทำบริการให้ดี ลูกค้าพึงพอใจส่งต่อความพึงพอใจ ลูกค้าบอกต่อเป็น Word of Mouth  การใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์ Customer Centric

โดยการพัฒนาเทคโนโลยีในปีนี้ ได้ใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท เลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกจาก Oracle, MuleSoft และ Microsoft มาร่วมในการพัฒนา  เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความปลอดภัยทางเทคโนโลยี โดยกำหนดเป็นแผนงานที่จะดำเนินการต่อเนื่องภายใน 5 ปี ปรับสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้แพลตฟอร์มต่างๆ ที่ได้จัดทำขึ้นมาก่อนหน้า และที่กำลังจะจัดทำ เกิดการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวหรือกล่าวง่ายๆ เชื่อมต่อทุกคนทำงานด้วยข้อมูลชุดเดียวกัน และเป็นเรียลไทม์

โดยล่าสุด ได้ดำเนินโครงการ Project Oracle ERP ภายใต้ชื่อคอนเซ็ปต์  Viriyah One Finance and  Accounting “ VFin”  อันเป็นการเชื่อมโยงระบบการเงิน บัญชี เป็นหนึ่งเดียว สามารถบริหารจัดการตรวจสอบ การจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญทำให้ระบบการจ่ายสินไหมทดแทนรวดเร็วขึ้น

“เราจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี แต่เราก็ไม่ทิ้งคน เรามีคนในเครือข่าย 76 จังหวัด บุคลากรกว่า 6,500 คน พนักงานเคลมสินไหมกว่า 2,000 คน เป็นจุดแข็ง Touch Point ซึ่งบุคลากรเหล่านี้ต้องเพิ่มศักยภาพ ติดเทคโนโลยีให้ เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน สามารถบริการลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น”

อมร วางเป้าหมายว่า เมื่อสิ้นสุดแผน 5 ปี Customer Centric ที่วิริยะประกันภัยมุ่งมั่นทำงานมาตลอด จะมีความสมบูรณ์แบบ เป็นระบบเทคโนโลยีที่สามารถรองรับความเป็น Total Experience องค์รวมประสบการณ์ เพื่อการสู่กระบวนยุทธ CXM (การบริหารประสบการณ์ลูกค้า : Customer  Experience  Management) อันส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ จุดที่ได้สัมผัสกับวิริยะประกันภัย

“ต้องไม่ลืมว่าการไปให้ถึงเป้าหมายที่ว่านี้ จะใช้เทคโนโลยีอย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้ ต้องมี Database ด้วย และแน่นอน 74 ปีที่ผ่านมา วิริยะประกันภัยสั่งสมประสบการณ์กับลูกค้ามามากที่สุด เป็น Data-Driven อีกหนึ่งหัวใจที่สร้างการเติบโต จนวิริยะประกันภัยก้าวเข้ามาสู่การเป็นอันดับ 1 มาจนทุกวันนี้”

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา วิริยะประกันภัยมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาแล้วใน 3 ด้านหลัก คือ เทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากลูกค้า เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า และเทคโนโลยีเพื่อบริการสินไหมทดแทน โดยเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก Salesforce มาจัดทำระบบ CRM  (Customer Relationship Management) ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมากเพราะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและได้รับการบริการด้านประกันภัยได้ในหลากหลายช่องทาง และที่สำคัญทำให้บริษัทฯ เชื่อมต่อกับคู่ค้าได้รวดเร็วขึ้นและในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการในปี 2563  วิริยะประกันภัยมีเบี้ยรับรวมกว่า 38,143 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 33,315 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,827 ล้านบาท ในขณะที่ความมั่นคงของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นเดียวกัน วิริยะประกันภัยยังมีฐานะการเงินที่เข็มแข็ง มีสินทรัพย์ 76,149 ล้านบาท มีเงินกองทุน 41,219 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนอยู่ที่ 224.70% สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 120%

“ในภาวะที่คนไทยเผชิญกับวิกฤตสุขอนามัยจากไวรัสโควิด-19  เราหาทางแบ่งเบาความเสี่ยงให้กับประชาชน นอกจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันที่มีอยู่ให้มีความคุ้มครองเหมาะสม เรายังออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ “โควิด-19 ชิลด์” ซึ่งเราสามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 2 ล้านกรมธรรม์  อีกทั้งกรมธรรม์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลอีกด้วย ขณะที่ต้นน้ำเราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญ ปลายน้ำคือส่วนบริการหลังการขาย เราใช้เทคโนโลยีมารองรับงานบริการเคลม VClaim on VCall การเคลมนัดหมายผ่านวิดีโอคอลจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมีการพบปะกันตามหลักการของ Social Distancing บริการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” อมร กล่าว 

ด้าน สยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงตลาดประกันภัยรถยนต์ว่า เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการให้อยู่ในสภาวะสมดุลย์ เพราะยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลงทั้งระบบ ส่งผลให้กรมธรรม์ประกันภัยรถใหม่หรือรถป้ายแดงย่อมลดลงตามไปด้วย ดังนั้นบริษัทประกันภัยจำต้องดูแลลูกค้าเก่าไว้ให้ดี ซึ่งทำให้อัตราการต่ออายุกรมธรรม์ประกันรถยนต์ของวิริยะประกันภัยยังอยู่ในระดับสูงมากกว่า 70%

“เราเชื่อมั่นว่า การดูแลของเราทำให้ลูกค้ายังรู้สึกผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นยามวิกฤตหรือไม่ก็ตาม รวมถึงคู่ค้า ประกอบไปด้วย สถาบันการเงินที่ทำ Floor Plan ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ และผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ก็ส่งงานกับวิริยะประกันภัยเป็นหลักใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนของเรา ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศก็ยังคงมีความเข้มแข็งและก็มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นงานต่ออายุ ได้ถึงร้อยละกว่า80% แสดงถึงความเหนียวแน่นระหว่างตัวแทนซึ่งมีต่อลูกค้าทั่วๆ ไป นอกจากตัวแทนเรายังมีตลาดองค์กร มีการทำขายประกันในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ยังส่งงานที่วิริยะเป็นหลักใหญ่เช่นกัน ทำให้ตลาดโดยรวมของวิริยะไม่กระทบกระเทือน”

สยม กล่าวต่อว่า  หัวใจที่สำคัญในอันที่จะมัดใจลูกค้า คือ การบริการหลังการขาย วิริยะประกันภัยจึงเน้นการพัฒนาในเรื่องของงานดูแลเรื่องสินไหมทดแทน  ล่าสุดได้พัฒนาจุดบริการให้ครอบคลุมทั่วไทยมากขึ้น จากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในแต่ละจังหวัด ปีที่ผ่านมา ได้จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบอุบัติเหตุในพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของจังหวัด และในปีนี้จากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่วิริยะประกันภัยได้รวบรวมเอาไว้ และได้จัดทำเป็นโครงการเผยแพร่ข้อมูลจุดเสี่ยงทั่วประเทศ  เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักระมัดระวังเมื่อขับผ่านจุดเสี่ยงเหล่านี้ ตลอดไปถึงการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อลดอุบัติเหตุจราจรแล้ว จุดเสี่ยงเหล่านี้เอง วิริยะประกันภัยจะจัดตั้งเป็นจุดบริการเรียกว่า “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ”โดยจะไปจัดเช่าพื้นที่ในปั๊มน้ำมัน เพื่อให้พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุไปนั่งทำงาน

อีกแผนงานสำคัญ ที่จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ คือ การพัฒนาพนักงานที่เกี่ยวข้องด้านสินไหมทดแทน ประกอบด้วย พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ พนักงานสรุปรายการความเสียหาย ด้วยหลักสูตร “V-Shine” เพื่อให้พนักงานตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง เรียนรู้ว่าความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวเพื่อให้การทำงานกับเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด  

ฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานการประกันภัยที่กลุ่ม Non-Motor ว่า ภาพรวมผลประกอบการในช่วงปีที่ผ่านมา วิริยะประกันภัยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับตรง ด้าน Non-Motor เป็น 4.5% จาก สัดส่วน 4.1% ในปีก่อนหน้า โดยมีเบี้ยรับประกันภัยอยู่ที่ 4,827 ล้านบาท และนอกจากนี้ยังคงสามารถเพิ่มสัดส่วนงานประกันภัย Non-Motor ให้มีสัดส่วนที่ 12.65% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 อยู่ที่ 10.48% ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายที่ต่อเนื่องของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มสัดส่วนขยายงานประกันภัย Non-Motor ให้มากยิ่งขึ้น

“การประกันภัยสุขภาพ เราสามารถเติบโตได้ถึง 317.85%  สืบเนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแผน “ประกันโควิด-19 ชีลด์”  ซึ่งวิริยะเป็นอันดับต้นๆ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์นี้สู่ตลาด และผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมแห่งปีอีกด้วย รวมไปถึงแผนประกันสุขภาพ Viriyah Healthcare by BDMS” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คุ้มครอง คุ้มค่า ราคาเพื่อคนไทย” ซึ่งเป็นแผนประกันที่เรามีความตั้งใจให้ค่าเบี้ยจับต้องได้ และความคุ้มครองเข้าใจง่าย แบบเหมาจ่าย ไม่ซับซ้อน ตาม  คอนเซ็ปต์ ประกันภัยสุขภาพจากวิริยะ”

ในส่วนเป้าหมายปี 2564 การประกันภัย Non-Motor ฐวิกาญจน์ กล่าวว่า วิริยะประกันภัยยังคงขยายแผนงานประกันภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายช่องทางการตลาดทางตรง เป็น 180 อัตราภายในสิ้นปี ทั้งการตลาดทางโทรศัพท์ และการตลาดประจำบูธต่างๆ และยังคงเน้นการสรรหา พันธมิตร และ คู่ค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทน โดยได้วางแผนพัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อให้ตัวแทนได้ใช้เป็นเครื่องมือในการขยายงานด้านประกันภัยสุขภาพ แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมถึงการพัฒนา Health Advisory การบริการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ก่อน ระหว่าง และหลังการรักษาพยาบาล ให้ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่แล้ววิริยะประกันภัยได้มีการเปิดตัว แบบ Soft Launch เพื่อช่วยลูกค้าได้วางแผนการรักษาและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับความคุ้มครอง และตรงตามความต้องการของลูกค้า

โดยได้เริ่มการบริการ ให้กับ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโรคที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น โรคทางเดินหายใจส่วนบนส่วนล่าง โรคหวัด หรือ การเกิดอุบัติเหตุ กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง โดยในปีนี้มีการวางแผนจะเปิดบริการให้กับกลุ่มที่สาม คือ กลุ่มโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนพัฒนาระบบการจัดการกรมธรรม์ และการจัดการสินไหมให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2564 ฐวิกาญจน์ เผยว่า วิริยะประกันภัยมุ่งหวังที่จะให้ครอบคลุมและตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ในปีนี้จึงมีโครงการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพเฉพาะโรค เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขการรับประกันภัยที่ยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแผนประกันภัยโควิด-19 ซึ่งจะเพิ่มผลประโยชน์ความคุ้มครองในภาวะโคม่าสำหรับการแพ้วัคซีน รวมถึงแผนประกันสุขภาพและอุบัติเหตุอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจจะปรับโฉมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยแผนทั้งหมดนี้จะสอดคล้องตามแผนงานการเติบโตด้านประกันภัยสุขภาพ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะคุ้มครองและดูแลลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ดีที่สุด ด้วยความจริงใจ และเป็นธรรม