“ซิซซ์เลอร์ ทูโก” โมเดลใหม่ในรอบ 30 ปี พาซิซซ์เลอร์เติบโตสู่ความยั่งยืน

990

ธุรกิจร้านอาหาร คือหนึ่งในธุรกิจที่ต้องปรับตัวมากที่สุดในช่วงการระบาดรุนแรงของไวรัสโควิด-19 หนึ่งในข้อห้ามของการล็อกดาวน์ประเทศ คือ การห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน ทางรอดส่วนใหญ่คือ เดลิเวอรี่ ที่ช่วยให้ร้านอาหารประเภทจานเดียวมีรายได้ฟื้นกลับมาบ้าง และอีกหนึ่งทางออกที่แบรนด์ร้านอาหารเริ่มนิยมทำมากขึ้น คือ Grab & Go หรือการซื้อไปทาน

ชิซซ์เล่อร์  แบรนด์ร้านสเต็ก สลัด ที่คนไทยรู้จักกันอย่างดีมายาวนาน ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ประสบปัญหาหนักในช่วงล็อกดาวน์

เพราะด้วยรูปแบบร้านอาหารมีราคากลางๆไปถึงสูงต่อมื้อ และลูกค้าส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่ม หรือมาเป็นครอบครัว ทานเสต็กและสนุกสนานกับการตักสลัดบาร์ จะห้ามนั่งทาน หรือนั่งทานได้แต่ต้องเว้นระยะห่าง ก็ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการทานส่วนใหญ่ของร้านนี้  ช่องทางเดลิเวอรี่เองก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนกับอาหารจานเดียวอย่างอาหารตามสั่ง หรือพิซซ่า เท่าไรนัก

แต่ผู้บริหารซิซซ์เลอร์ ก็พบทางออกที่ดูจะเหมาะเจาะกับแบรนด์ และสอดรับกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนเมืองเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือเทรนด์ “แกร็บ แอนด์ โก” (Grab & Go) หยิบซื้อไปทานที่บ้านหรือที่ที่ทำงาน  

กรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ กล่าวว่า สถานการณ์ของอุตสาหกรรมร้านอาหารในขณะนี้อยู่ในสภาพเดียวกันทั้งหมด หลังจากประสบปัญหาซบเซาช่วงการระบาดของโควิด-19 มาถึงวันนี้ที่ทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ขณะนี้ก็เป็นเวลาที่ต้องเร่งเครื่องสร้างช่องทางการขาย และการบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับยุคนิวนอร์มอล

โดยในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ได้มีการปรับตัวเพื่อขานรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปหลังยุคนิวนอร์มอล ผนวกกับ เทรนด์สุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของซิซซ์เลอร์ จากสเต็กและสลัด สู่การเป็นอาหารสุขภาพ พร้อมตอกย้ำความเป็นหนึ่งด้านอาหารเพื่อสุขภาพ

“ตลาดอาหารสุขภาพมีมูลค่าสูงถึงปีละ 7-8 หมื่นล้านบาท และเติบโตขึ้นทุกปี โดยจากข้อมูลพบว่าคนไทยหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นถึง 68.10% และหนึ่งในสิ่งที่คนไทยใส่ใจด้านสุขภาพเป็นพิเศษ คืออาหารการกิน ที่คิดเป็น 68.52%  ทั้งยังพบว่าคนยุคมิลเลนเนียลและเจนวายก็ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเราเชื่อว่ายังมีโอกาสในตลาดนี้อีกมาก จึงมองหาเซกเมนต์ในตลาดที่เหมาะสมกับเรา”

แนวคิดอาหารเพื่อสุขภาพของซิซซ์เลอร์ ถูกนำมาใช้กับช่องทาง Grab&Go โดยมองไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักที่นิยมการทานอาหารแบบ Grab&Go คือ อาหารเช้าของกลุ่มคนทำงาน ที่มีเวลารีบเร่ง แต่ต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพ กลายมาเป็นโมเดลร้านซิซซ์เลอร์รูปแบบใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดสาขาแรกเมื่อปี 2535  ในชื่อ “ซิซซ์เลอร์ ทู โก” 

แนวคิดของร้านซิซซ์เลอร์ ทูโก จะตั้งอยู่ในทำเลเส้นทางการเดินทางที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น สถานีรถไฟฟ้า หรือในโรงพยาบาล ใช้พื้นที่เล็กที่สุด 2 ตารางเมตร เน้นการวางขายอาหารสุขภาพพร้อมทาน โดยช่วงแรกมีเมนู สลัด แซนด์วิช และน้ำผลไม้ ตั้งราคาเมนูละไม่ถึง 100 บาท เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย เปิดให้บริการแล้ว  6 สาขา อยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ย่านกลางเมือง อาคารสำนักงาน และล่าสุดเปิดสาขาในโรงพยาบาลกรุงเทพ  

ด้าน นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาเมนูของ “ซิซซ์เล่อร์” และ “ซิซซ์เล่อร์ ทู โก”  ในปี 2564 จะมุ่งเน้นไปที่ความทันสมัยและความแปลกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการมาเป็นอันดับแรก สะท้อนให้เห็นได้จากช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ ซิซซ์เล่อร์ ได้มีการเปิดตัวเมนูท้องถิ่นอย่าง “สเต๊กใต้ฟิวชั่น” ภายใต้เมนูพิเศษ “ชุดสุดคุ้มอิ่มเว่อร์” (Value Meal) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสเต๊กคุณภาพจาก ซิซซ์เล่อร์ และ รสชาติเอกลักษณ์ท้องถิ่นของไทย สร้างความแปลกใหม่ให้กับเหล่าผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

โดยในส่วนของ ซิซซ์เล่อร์ ทู จะมีการปรับเอาเมนูซิกเนเจอร์ของ ซิซซ์เล่อร์ อาทิ  เมนูสลัดบาร์ ทู สลัดโบวล์ (Salad Bar to Salad Bowl) เข้าไปจำหน่ายในร้าน  ซึ่งเป็นการเปิดให้ลูกค้าซิซซ์เล่อร์ ทู โก เลือกวัตถุดิบในจานสลัดของตัวเองได้ตามใจชอบเหมือนการเดินตักสลัดเองที่ร้าน และ เมนูสเต๊กบอกซ์ (Steak Box) ที่นำเอาเมนูซิกเนเจอร์ของซิซซ์เล่อร์มาปรับให้อยู่ในรูปแบบเมนูข้าวกล่องสะดวกต่อการพกพา รวมถึงเมนูจานเดียว (Single Meal) ในรูปแบบใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้สุขภาพครบจบในจานเดียว อาทิ เมนูโปเกโบวล์ (Poke Bowl) เมนูข้าวคลุกกับผักนานาชนิดเข้ากันได้อย่างลงตัวกับซอสหลากหลายรสชาติ โดยทั้งสามเมนูใหม่ของซิซซ์เล่อร์ ทู โก จะนำร่องขายที่ ซิซซ์เล่อร์ ทู โก สาขา รพ. กรุงเทพ เป็นแห่งแรกเท่านั้น 

ซิซซ์เล่อร์ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพ แต่ยังครอบคลุมไปถึง เมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ภายในร้านอีกด้วย มีการออกเมนูเครื่องดื่มใหม่ ๆ เมนูสมูธตี้ เฮลท์ตี้ รีเฟรชเชอร์ (Healthy Refresher) อย่าง แอปเปิ้ลฝรั่งสมูธตี้ และ ส้มสัปปะรดสมูธตี้ โดยมีความพิเศษคือเป็นเมนูเครื่องดื่มสมูธตี้ที่ปราศจากน้ำตาลและอาศัยความหวานจากหญ้าหวานเข้ามาทดแทน และ เมนูน้ำผลไม้สกัดเย็น 100% น้ำผลไม้โคลด์เพลส (Cold-pressed Juice) ที่ได้มีการออกสามรสใหม่ ได้แก่ ทรอปิคอล เลิฟเวอร์ แทนเจอรีน ดรีม และ โกลด์เด้น ซันไรซ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำเทรนด์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของซิซซ์เล่อร์ ที่ได้มีการพัฒนาเฟ้นหาเมนูทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับอาหารสุขภาพ ให้แก่ลูกค้าเสมอมา

กรีฑากร กล่าวสรุปว่า แบรนด์ซิซซ์เลอร์อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง และเป็นที่รับรู้ของคนไทยเป็นอย่างดี  ดังนั้นแนวทางการปรับตัวก็ไม่จำเป็นต้องเดินตามคนอื่น แต่จะมองไปที่การทำอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภค และนำเสนอสินค้าตามความต้องการ เช่น เทรนด์สุขภาพ โดยตั้งเป้าพัฒนาหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออกมารองรับกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการที่ซิซซ์เล่อร์อย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน ซิซซ์เล่อร์ ก็ได้มีการปรับตัวขยายสาขาซิซซ์เล่อร์ ทู โก เพิ่มขึ้น จากแนวสถานีรถไฟฟ้าไปสู่อาคารสำนักงาน และโรงพยาบาล  โดยจะมองหาทำเลที่เหมาะสมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคเข้าถึงซิซซ์เล่อร์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

“วันนี้ซิซซ์เลอร์ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร 54 สาขา ให้ผู้บริโภคเดินทางมาใช้บริการ  มีบริการเดลิเวอรี่ที่ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งให้ถึงบ้าน และ ซิซซ์เลอร์ ทูโก 7 สาขา อยู่บนเส้นทางผ่านของคนเมือง และจะเพิ่มอีก 10 สาขาในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ของซิซซ์เลอร์ ทูโก ว่าจะมีสัดส่วน 15-20% ของรายได้รวม ซึ่งจะทำให้แบรนด์ซิซซ์เลอร์เดินหน้าเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”