พอล กรุ๊ป ดีไซน์ อาสาสร้างมาตรฐานโรงพยาบาล พาไทยเข้าใกล้ Medical Hub

2298

หนึ่งในเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชีย คือการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ Medical Hub ภาพที่ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ เห็นจนชินตาก่อนช่วงการระบาดของโควิด-19 คือ ภาพผู้ป่วยต่างชาติทั้งเพื่อนบ้าน สปป.ลาว  เวียดนาม กัมพูชา ไปจนถึงชาวอาหรับ เดินทางมารักษาในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง  สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการรักษาของแพทย์ไทย  และเมื่อต้องเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่อย่าง โควิด-19 ก็แสดงให้เห็นถึงระบบทางการแพทย์ของไทยว่ามีสูงเพียงใดจากเสียงยอมรับจากนานาประเทศ รวมถึงองค์กรทางการแพทย์ระดับโลก

แต่มีข้อมูลที่น่าตกใจว่า จำนวนโรงพยาบาลทั้งระดับเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ทั่วประเทศไทย 700-800 แห่ง กลับมีเพียง 30-40 โรงพยาบาลเท่านั้น ที่มีสถานประกอบการได้มาตรฐานเทียบชั้นระดับสากล

บริษัท พอล กรุ๊ป ดีไซน์ จำกัด (Paul Group Design-pgd)  บริษัทที่ปรึกษาและสำนักออกแบบอาคารครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์ในการสร้างอาคารโรงพยาบาลในประเทศไทยมากว่า 10 ปี มองเห็นโอกาสในการยกระดับโรงพยาบาลในเมืองไทยให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็น Medical Hub ของภูมิภาคนี้  จึงได้รวบรวมทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญชำนาญการ ที่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบโครงการโรงพยาบาลและสถานประกอบการทางการแพทย์จากหลากหลายสาขา ทั้งการออกแบบอาคาร การสร้างอาคาร การออกแบบ Landscape ไปถึงงาน Graphic Signage และงานศิลปะในโรงพยาบาล มาเปิดเป็น บริการภายใต้คอนเซ็ปต์ “Healthcare Total Design Solution” ให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ ควบคุมดูแลการออกแบบโรงพยาบาลและสถานประกอบการทางการแพทย์รายแรกของประเทศไทย   

ดร.คงศักดิ์ ยุกตะเสวี, Executive Chairman  พอล กรุ๊ป ดีไซน์ จำกัด  ให้ข้อมูลว่า  “Healthcare Total Design Solution”  ถือเป็น One Stop Service ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของโครงการที่สนใจลงทุนในโครงการโรงพยาบาลและสถานประกอบการทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี  โดย พอล กรุ๊ป ดีไซน์ รับให้คำปรึกษาตั้งแต่ Pre-construction, Feasibility study, Medical Planning and consultant, Design implementations, Construction and build พร้อมส่งมอบโครงการ (Design & Build) ให้แก่เจ้าของโครงการ  ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเจ้าของโครงการลดอัตราเสี่ยงในการลงทุน ช่วยควบคุมดูแลงบประมาณ รวมถึงระยะเวลาการออกแบบและก่อสร้างโครงการ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ได้รับผลงานที่มีความสมบูรณ์ ตามรูปแบบมาตรฐานและแนวทางที่เจ้าของโครงการต้องการ”

พอล กรุ๊ป ดีไซน์ ประกอบด้วยทีมงานที่ปรึกษาผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน นำทีมโดย ศิลปินแห่งชาติ ดร.คงศักดิ์ ยุกตะเสวี, Executive chairman ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการออกแบบโรงแรมและโรงพยาบาลชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อดีตผู้ก่อตั้ง สำนักงานออกแบบ Leo International Design Group พร้อมด้วย นายแพทย์ ชาตรี ดวงเนตร  นายแพทย์อาวุโส ที่ปรึกษาด้าน Medical Planner  อดีตประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลชั้นนำ  อาทิ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมด้วย มล. สุรวุฒิ ทองแถม  ที่ปรึกษาด้านการให้บริการ Hospitality ดูแลทั้งด้านงานบุคลากรและการบริหารจัดการเงินทุน อดีตผู้บริหารกลุ่ม Accor Group ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง Senior Vice President Development & Accor Resident Southeast Asia

นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่ปรึกษาร่วม ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา ได้แก่  สุธรรม  ศิริทิพย์สาคร หัวหน้าทีมสถาปนิก, รศ.ดร. วันชัย เทพรักษ์ หัวหน้าทีมวิศวกรโครงสร้าง, ผศ.ดร. อุทัย ไชยวงศ์วิลาน  หัวหน้าทีมวิศวกรงานระบบ, ชนรรถ  โชติษฐยางกูร Lighting Designer,  ศรายุธ ชนะชัย  หัวหน้าทีม Landscape Architect, ปิยพงษ์ ภูมิจิตร Graphic & Signage Design, และ ดวงธิดา บุญให้  Healing Art Consultant ที่พร้อมนำทีม พีจีดี สร้างสรรค์ผลงานของแต่ละโครงการให้สมบูรณ์แบบที่สุด

ซึ่งนอกเหนือจากทีมงานคุณภาพแล้ว พอล กรุ๊ป ดีไซน์ ยังมีพาร์ตเนอร์ที่เป็นสำนักออกแบบที่ปรึกษาจากต่างประเทศ “RTKL” จากสหรัฐอเมริกา และ สำนักงานออกแบบจากประเทศสิงคโปร์ ที่พร้อมสร้างความสมบูรณ์แบบในการทำงานร่วมกับทีมงาน พีจีดี เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลทุก ๆ ขั้นตอนของทุก ๆ โครงการอย่างมืออาชีพ

ดร.คงศักดิ์ กล่าวถึงจุดเด่นของทีมงานพอล กรุ๊ป ดีไซน์ ว่า เป็นการรวมรวมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบโรงพยาบาลและสถานประกอบการทางการแพทย์ มีความเข้าใจในธุรกิจโรงพยาบาล  โดยตนมีประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจในการออกแบบอาคารโรงพยาบาลเป็นอย่างดี ขณะที่ นายแพทย์ ชาตรี ดวงเนตร  จะมีความเข้าใจในความต้องการ รวมไปถึงกฎ ระเบียบของโรงพยาบาล  ส่วน มล. สุรวุฒิ ทองแถม  ที่มีประสบการณ์ด้าน Hospitality ก็จะเข้ามาให้คำปรึกษาด้านการบริการ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่จะช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ถึง 30-40% ส่งผลไปถึงการประหยัดงบประมาณการก่อสร้าง รวมทั้งจะช่วยให้งานการก่อสร้างไม่ต้องยืดเวลาออกไป และเพิ่มงบประมาณ เหมือนในอดีตอีกต่อไป

ดร.คงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล, สถานประกอบการทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลต่าง ๆ  มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว  เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย และจากประสบการณ์การทำงานในฐานะที่ปรึกษาการออกแบบโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศ และต่างประเทศ  จึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน โดยเฉพาะการออกแบบโรงพยาบาลจะมีความแตกต่างไปจากการออกแบบอาคารประเภทอื่น ๆ มาก

“การออกแบบที่ดีต้องมีองค์ประกอบรวมที่ครบทุกด้าน ทั้งด้านการแพทย์, ด้านการบริการ, ด้านระบบการควบคุมและกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ , การบำรุงรักษาต่าง ๆ การบริหารจัดการควบคุมให้อยู่ในงบประมาณ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย, การบริหารจัดการความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด รวมถึงปัจจัยการออกแบบที่ส่งเสริมบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับแพทย์และบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน การออกแบบโรงพยาบาลและสถานประกอบการทางการแพทย์ที่สามารถรองรับผู้ที่ไม่ไช่ผู้ป่วย ถือที่เป็นจุดแข็งของการบริการของโรงพยาบาลในประเทศไทย โดยเฉพาะการออกแแบบอย่างไรให้เหมาะสมกับยุค New Normal ก็เป็นปัจจัยหลักที่ พีจีดี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการทำงาน โดยเฉพาะงานระบบในโรงพยาบาล (MEP) ที่ออกแบบภายใต้ข้อกำหนดของกองการประกอบโรคศิลปะ และ JCI ทำให้เจ้าของโครงการได้รับผลงานที่มีความสมบูรณ์ และเป็นไปตามแนวทางที่ต้องการ”

ดร.คงศักดิ์ กล่าวถึงแนวทางการยกระดับให้เป็น Medical Hub ของประเทศไทยว่า  รัฐบาลควรหันมาให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลเอกชนบ้าง เพราะ Medical Hub จะเกิดขึ้นได้ ก็จากโรงพยาบาลเอกชน ไม่ใช่โรงพยาบาลรัฐ ที่มีหน้าที่ดูแลคนในประเทศ  แต่ปัจจุบันกลับไม่มีความช่วยเหลือใดๆ เช่น อาจเป็นความช่วยเหลือด้านยกเลิกภาษีของอุปกรณ์การแพทย์ ที่จะช่วยให้โรงพยาบาลเอกชนมีเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อการเป็น Medical Hub ที่สมบูรณ์แบบ

ด้าน อัครพล เอื้ออารักษ์  กรรมการผู้จัดการ พอล กรุ๊ป ดีไซน์ จำกัด  กล่าวว่า Healthcare Total Design Solution บริการใหม่ที่ยังไม่เคยมีในประเทศไทย บริษัทออกแบบก่อสร้างทั่วไป จะเข้าใจเพียงการออกแบบสถานที่ให้สวยงาม เหมาะสมกับการใช้งานทั่วๆไป แต่ไม่เข้าในความต้องการของแพทย์ และมาตรฐานของโรงพยาบาลระดับนานาชาติ ซึ่งคาดว่า บริษัทจะได้รับงานส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาโรงพยาบาลที่มีอยู่มากกว่าการสร้างโรงพยาบาลใหม่ แต่เชื่อว่า ด้วยจำนวนโรงพยาบาลที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ก็ยังเป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้กับบริษัท