กรุงเทพประกันภัยจัดทัพ พร้อมรับศึกปี 64

1012

ในขณะที่หลายๆ ธุรกิจทรุดหนัก หนีตาย หรือจนถึงต้องเลิกกิจการ  ไปกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แต่ธุรกิจประกันภัยกลับได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 ทำให้กลายเป็นปีที่ดีปีหนึ่ง

เพราะด้วยการเดินทางที่หยุดชะงัก อุบัติเหตุลดน้อยลง  ผู้คนป้องกันตัวเองใส่หน้ากากปิดจมูก ปิดปาก ทำให้โรคภัยไข้เจ็บลดน้อยลง ขณะที่โรงพยาบาลก็ต้องเตรียมรับมือกับผู้ป่วยโควิดเป็นหลัก การรักษาพยาบาล หรือการผ่าตัดที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ก็ถูกเลื่อนออกไป ยอดการเคลมประกันจึงลดน้อยลงกว่าทุกๆ ปี  ประกอบกับ หลายๆบริษัทประกัน ออกกรมธรรม์ประกันโควิด เจอ-จ่าย-จบ ก็ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก กลายเป็นรายได้สำคัญที่เข้ามาช่วยชดเชยกรมธรรม์อื่นๆ ที่มียอดขายตกลง

กรุงเทพประกันภัย บริษัทแถวหน้าในธุรกิจประกันภัย เป็นอีกบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผ่านช่วงเวลาเลวร้ายของโลก และของประเทศไทยมาได้อย่างน่าพอใจ โดย 9 เดือนแรกของปี 2563 สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวม 17,135.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2  มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 1,517.6 ล้านบาท รายได้สุทธิจากการลงทุน 1,257.2 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 2,774.8 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 2,362.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน  22.19 บาท 

ดร.อภิสิทธิ์  อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ถือเป็นโชคดีของบริษัท ที่ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ความเสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ลดลงไปมาก ด้านการเคลมด้านสุขภาพก็ลดลง ทำให้กำไรของบริษัทมีเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการประกันโควิด และการประกันข้าว ที่ทำได้กว่า 2,000 ล้านบาท ก็เข้ามาช่วยชดเชยยอดขายได้ราว 5%  ทำให้คาดว่าสิ้นปี 2563 BKI จะบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับ 22,800 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 8.0

แต่สถานการณ์ในปีหน้า 2564 กลับเป็นปีที่น่าห่วง ซึ่ง ดร.อภิสิทธิ์มองเป็นปีที่ท้าทายของ BKI เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังคงมีการระบาดอย่างหนัก แม้มีข่าวดีเรื่องการพัฒนาวัคซีน แต่ก็ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปีจึงจะเริ่มใช้กันได้อย่างจริงจัง แน่นอนว่า การเดินทางท่องเที่ยวก็ยังคงหยุดนิ่งต่อไปอีก เศรษฐกิจก็คงไม่เห็นภาพบวกที่ชัดเจน โดยคาดการณ์กันว่าธุรกิจการประกันภัยทั่วโลก คงมีการเติบโตอยู่ในระดับเพียง 2%   ซึ่ง BKI ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ท้าทายสูงกว่าตลาด อยู่ที่ร้อยละ 5.0อ

ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยบวกด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในปีหน้าที่จะปรับเพิ่มขึ้น การลงทุนภาครัฐที่ยังมีต่อเนื่อง ผนวกกับอัตราเบี้ยประกันภัยต่อในตลาดโลกที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเป้าหมายการเติบโตที่ค่อนข้างท้าทายเนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่อาจยังมีความขัดแย้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในอัตราที่สูง ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตร้อยละ 3.5-4.5

อย่างไรก็ตาม BKI ก็ได้ประกาศแผนงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจในการรุกตลาดปี 2564 เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย

ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความเสี่ยงภัยด้านสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับมีความกังวลด้านภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น บริษัทฯ จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มครองและกำลังซื้อของลูกค้า ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงได้อย่างสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น อาทิ

ประกันภัย Health IPD Plan แบบเหมาจ่าย (ไม่มี Limit ต่อครั้ง) ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้น 9,000 บาท ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท โดยสามารถเข้ารักษาได้ทุกกลุ่มโรงพยาบาลทั่วประเทศ

ประกันภัยโรคมะเร็ง ในช่องทางออนไลน์ ซื้อง่าย ตอบคำถามสุขภาพเพียงข้อเดียว โดยให้ความคุ้มครองรวมสุงสุด120,000 บาท ด้วยเบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ เริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อปี ครอบคลุมโรคมะเร็งทุกระยะ

Personal Cyber Insurance ให้ความคุ้มครองความเสี่ยงภัยจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและหลากหลาย อาทิ การถูกโจรกรรมเงิน การซื้อและขายสินค้าออนไลน์ การถูกกลั่นแกล้ง (Cyberbullying) และการถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในสังคมปัจจุบัน

ด้านการพัฒนาการบริการ BKI ได้พัฒนาการบริการเพื่อให้สอดคล้องกับ Digital Lifestyle ของลูกค้า โดยร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนา Health Care Platform ให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพ ทั้งในรูปแบบของการประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโรค( AI Symptom Checker) และการบริการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) โดยการบริการ AI จะเน้นไปที่การใช้ระบบเพื่อวิเคราะห์โรคในเบื้องต้น ให้ผู้ใช้บริการรับทราบผลการวิเคราะห์อาการของโรค และการบริการ Telemedicine เป็นบริการอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ สามารถปรึกษาแพทย์เป็นการส่วนตัวผ่านทาง Application เมื่อปรึกษาและได้รับคำวินิจฉัยเรียบร้อยสามารถรับยาตามคำสั่งยาของแพทย์ โดยยาจะถูกส่งให้ลูกค้าตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถบริหารจัดการเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นด้วย

ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี BKI ได้ให้ความสำคัญของการเป็น Data Driven Organization ที่ใช้ฐานข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า โดยเน้นให้ผู้บริหารและพนักงานนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจทั้งในงานด้านรับประกันภัย สินไหมทดแทน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีด้าน AI และ Voice Chat BOT มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการแก่ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ โครงการระบบงาน AI Claims Contact Center ซึ่งใช้ AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการรับโทรศัพท์จากลูกค้า โดยระบบสามารถประเมินความต้องการของลูกค้าผ่านการสนทนาด้วยน้ำเสียงเสมือนจริง เช่น เมื่อลูกค้าแจ้งอุบัติเหตุ ระบบจะให้ลูกค้าแจ้ง Location และจัดสรรเจ้าหน้าที่สำรวจภัยที่อยู่ใกล้ที่สุดผ่านระบบ E-surveyor  ไปให้บริการลูกค้า ณ ที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว โดยจะสามารถให้บริการได้ในปีหน้า

ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ละบริการ BKI  ยังคงมุ่งเน้นการเป็น Business Partner ของลูกค้าและคู่ค้าของเรา ด้วยบริการ Risk Management ซึ่งเริ่มตั้งแต่การทำ Risk Survey โดยใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น การทำโปรแกรม Fire Simulation เพื่อจำลองการเกิดเหตุเพลิงไหม้ของสถานที่เอาประกันภัย ทำให้สามารถวางแผนป้องกันและควบคุมความเสียหาย (Fire loss prevention and control) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์การสำรวจภัยอื่นๆ อาทิ ตรวจวัดความร้อนสะสมผ่านอุปกรณ์ Thermoscan รวมถึงการสำรวจพื้นที่ของสถานที่เอาประกันภัยในมุมกว้างและสูง โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone Service)

“ในปีหน้าเชื่อว่า ตลาดประกันภัยจะมีการแข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะการเล่นสงครามราคา เนื่องจากหลายๆ บริษัทได้กำไรจากปีนี้ที่มีการเคลมอุบัติเหตุน้อย  แต่กรุงเทพประกันภัยก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ลงไปแข่งในตลาดนี้ แต่จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะออกมานี้ราว 200 ล้านบาท สนับสนุนเป้าหมายเบี้ยประกันตลอดทั้งปี 2,700 ล้านบาท”