ย่างก้าว แอน-จักรพงษ์ และ JKN จากช่องทีวีดาวเทียม สู่ผู้นำคอนเทนต์ระดับโลก

2494

ก้าวเดินของเจเคเอ็นหน้าตื่นเต้น ทั้งตัวองค์กร และเจ้าขององค์กร

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ที่เคยเป็นผู้บริหารช่องทีวีดาวเทียม JKN แปลงสภาพตนเองเป็น คุณแอน-จักรพงษ์ สาวข้ามเพศคนดังของเมืองไทย พร้อมเปิดมูลนิธิข้ามเพศบันดาลใจ เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมของบุคคลข้ามเพศ และจัดหาเงินเพื่อให้ทุนการศึกษาและเงินสนับสนุนแก่บุคคลข้ามเพศที่ต้องการทักษะชีวิตและการศึกษาเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและยั่งยืนในประเทศไทย

ขณะที่ JKN ที่เคยเป็นเพียงช่องทีวีดาวเทียมก็ถูกยกระดับเป็นบริษัทเจ้าของคอนเทนต์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลี และอินเดีย ครองพื้นที่ทีวีดิจิทัลได้เกือบทุกช่อง และในปีนี้ เจเคเอ็นโกบอล มีเดีย เริ่มขยับตลาดจากการซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศเข้าสู่การนำคอนเทนต์เมืองไทยออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ พร้อมซื้อลิขสิทธิ์จากช่องข่าวเศรษฐกิจระดับโลกอย่าง CNBC มาผลิตช่อง CNBC ภาคภาษาไทยในชื่อ JKN CNBC

แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล กล่าวว่า ปัจจุบัน เจเคเอ็นฯ มีธุรกิจ 3 ด้าน ประกอบด้วย

ธุรกิจนำเข้าคอนเทนต์ต่างประเทศ โดยมีหนังลิขสิทธิ์ ซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ มาจำหน่ายให้ทีวีดิจิทัลไทย แม้ในขณะนี้ ทีวีดิจิทัลหลายช่องจะคืนสัมปทานปิดช่องไป แต่แอน-จักรพงษ์มองว่า ไม่ได้ส่งกระทบกับเจเคเอ็นฯ แม้ช่องจะหายไป แต่ช่องทีวีดิจิทัลที่เหลือล้วนเป็นช่องคุณภาพ และมีกำลังซื้อมากขึ้น นอกจากนั้น ขณะนี้ยังได้รับความสนใจจากผู้ให้บริการ OTT (Over-the-top) อย่าง LINE TV และอีก 2 ราย ติดต่อขอซื้อคอนเทนต์ของเจเคเอ็นฯ

ธุรกิจส่งออกคอนเทนต์ไปสู่ต่างประเทศ นอกเหนือจากซีรีส์อินเดีย ที่เจเคเอ็นฯ ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายนอกประเทศอินเดียแล้ว ยังได้ลิขสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายละครของช่อง 3 ทั้งหมด ออกสู่ตลาดต่างประเทศ

ธุรกิจขายโฆษณา โดยช่อง JKN Channel บนทีวีดาวเทียม ถือเป็นช่องวาไรตี้ที่มีเรตติ้งอยู่ในระดับแนวหน้าที่สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาเป็นกอบเป็นกำ นอกจากนั้น สถานีข่าว JKN CNBC ก็ได้รับความสนใจจากหลายช่องทีวีดิจิทัล ซื้อรายการจากสถานีไปออกอากาศ

ปัจจุบันรายได้ของเจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย มาจากการขายคอนเทนต์ในประเทศ 65% จากการขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ 30% และรายได้จากโฆษณา 5%

โดย ธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของการเป็นผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลกของ JKN ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายคอนเทนต์ ด้วยกลยุทธ์ ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ ที่นำเหล่าดาราศิลปิน ที่ได้รับความนิยมมาร่วมทำการตลาดเพื่อสร้างกระแสให้แก่คอนเทนต์ซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ ที่นำเข้ามาจัดจำหน่ายให้แก่พันธมิตรคู่ค้า ตลอดจนการนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการตลาดของ JKN เข้าไปต่อยอดสู่การจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์ไทยที่ผลิตโดย BEC World เพื่อสร้างกระแสความนิยมละครไทย ไปสู่สายตาผู้ชมในภูมิภาคอาเซียน โดยออกอากาศผ่านทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น ทีวีดิจิทัล ทีวีบอกรับสมาชิก หรือ OTT (Over-the-top) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ชมทั่วภูมิภาคอาเซียน

ปีที่ผ่านมา JKN รุกตลาดอาเซียนอย่างจริงจัง สร้างความสำเร็จจนเกิดกระแสการตอบรับที่ดีจากผู้ชมซีรีส์อินเดียและฟิลิปินส์อย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ที่ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ดังกล่าว เพื่อไปออกอากาศอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน JKN ก็ประสบความสำเร็จจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทย ซึ่งได้รับความนิยมจากช่อง 3 ในการนำไปจัดจำหน่ายในต่างประเทศ ด้วยมาตรฐานการผลิตคุณภาพสูง เทียบเท่าระดับสากล ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปออกอากาศแล้วในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ และล่าสุดที่ประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงมีโอกาสในการนำไปออกอากาศในประเทศญี่ปุ่น และหลายประเทศในอเมริกาใต้มีการติดต่อขอดูคอนเทนต์บ้างแล้ว โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ที่รอส่งมอบรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

ด้านคอนเทนต์รายการข่าวภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC นอกเหนือจากการออกอากาศในช่วงแรกทางช่อง GMM 25 แล้ว ก็มีการนำรายการออกอากาศในอีกหลายช่อง ตั้งแต่ไตรมาส 3 ประกอบด้วย รายการ JKN-CNBC Around The World ทางช่องอมรินทร์ทีวี, รายการ HALFTIME REPORT ทางช่อง 5, The CNBC Conversation  ทางTNN ช่อง 16 และในปีหน้า แอน-จักรพงษ์ ก็แย้มว่า ยังมีอีกหลายช่องที่ติดต่อจะนำรายการของ JKN CNBC ไปออกอากาศเพิ่มอีกในปีหน้า

แอน-จักรพงษ์ วางเป้าหมายในปีนี้ว่า เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จะสามารถทำรายได้เติบโตจาก 1,400 ล้านบาท ในปีที่แล้ว อีก 15% และมองไปถึงอนาคตอันใกล้นี้ว่า จะย้ายหุ้น JKN จากตลาด MAI เข้าไปอยู่ในตลาด SET และในระยะยาว เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จะก้าวสู่การเป็นบริษัทมีเดียคอนเทนต์ระดับโลกตามชื่อ