เมื่อเบทาโกรพร้อม ตลาดโลกก็อยู่ในมือ

2222

ชื่อของเบทาโกร แม้จะเข้ามาอยู่ในใจของผู้บริโภคมานาน ว่าเป็นแบรนด์อาหารเนื้อสัตว์ระดับพรีเมียม ที่เข้ามาท้าทายชิงส่วนแบ่งตลาดจากยักษ์ใหญ่ซีพี แต่หากพูดถึงความหลากหลายของสินค้าแล้ว ยังถือว่าห่างไกลจากซีพีค่อนข้างไกล

เบทาโกรทำความรู้จักกับคนไทย ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อหมู และเนื้อไก่ มาเป็นเวลานานหลายปี ตามมาด้วยไข่ไก่ จนมาถึงปีที่ผ่านมา ก็เริ่มขยายสู่อาหารพร้อมทาน ประเดิมด้วยไส้กรอกรมควัน ที่ได้พระเอกฮอตแห่งปี โป๊ป ธนวรรธน์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ สร้างชื่อให้ไส้กรอกรมควัน เบทาโกร ติดตลาดไม่ยาก

แต่มาปีนี้ เบทาโกร พร้อมขยายพอร์ตสินค้าเข้าตลาดอีกหนึ่งกลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปพร้อมรับประทาน หลังจากโรงงานผลิตแห่งใหม่ในชื่อ Betagro Central Kitchen ซึ่งถูกวางเป็นศูนย์นวัตกรรมอาหารเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สร้างเสร็จด้วยเงินลงทุน 750 ล้านบาท พร้อมเดินเครื่องผลิตอาหารแปรรูปในปีนี้

Betagro Central Kitchen นวนคร มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี สามารถผลิตอาหารด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย หลากหลายมากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ได้แก่ 1) อาหารทานเล่นและสินค้าทอดประเภทหมู ไก่ 2) ผลิตภัณฑ์ไข่ปรุงสุก 3) ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน 4) กับข้าวสำเร็จรูป 5) เบเกอรี่ และ 6) ผลิตภัณฑ์ปรุงรส 

สมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร กล่าวว่า Betagro Central Kitchen คือธุรกิจที่เบทาโกรจะให้ความสำคัญมากในปีนี้ เพราะจะเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสังคมเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย อร่อย หลากหลาย และมีคุณภาพ โดยจะเริ่มนำสินค้าเข้าสู่ตลาดทั้งกลุ่มผู้ให้บริการ Heroca และกลุ่มผู้บริโภค ผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ ทั้ง Family Mart, Lawson และ Tops รวมไปถึงร้าน Betagro Shop

นอกจากนั้น ในปีนี้เบทาโกร จะต่อยอดความสำเร็จของไส้กรอกรมควันในปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวแคมเปญผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกเบทาโกร ชีส ซีรีส์ ความอร่อยที่ใครก็หยุดไม่ได้ โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกชีส 6 รสชาติ 6 สไตล์ เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการของตลาด ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบชีส และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของอาหาร

โดยแคมเปญของไส้กรอกเบทาโกร ชีส ซีรีส์ ยังคงใช้การสื่อสารผ่านพรีเซนเตอร์คนเดิม โป๊ป-ธนวรรธน์ เป็นพรีเซนเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ซึ่งนอกเหนือการทำการตลาดผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ ในแคมเปญนี้ยังเน้นการขยายออกสู่ตลาดต่างจังหวัด โดยมีการกระจายสินค้าลงไปถึงรถเข็นทอด 1,500 คัน และจะมีการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

และเพื่อเป็นการต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าพรีเมี่ยมแบรนด์เอสเพียว ได้มีการออกผลิตภัณฑ์ไส้กรอกพรีเมี่ยมสไตล์โฮมเมดที่ผลิตจากเนื้อหมูเอสเพียว เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่ใสใจในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้ตนเองหรือครอบครัว โดยเริ่มวางจำหน่าย 6 สาขา ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เดอะมอลล์บางแค, เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า รวมทั้งตั้งเป้าขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเพียวผ่าน Antibiotic Free Zone ในร้าน BETAGRO Shop กว่า 49 สาขา และผลักดันสู่ทุกสาขาของร้าน BETAGRO Shop ทั่วประเทศ ในปี 2020  ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปของเบทาโกรถือครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15% มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 15%

ด้านตลาดส่งออกของปี 2562 สมศักดิ์กล่าวว่า มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี เบทาโกรตั้งเป้าปริมาณการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ กว่า 97,580 ตัน เติบโต 12% ในปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็นไก่ปรุงสุกแช่แข็ง และไก่สดแช่แข็ง ซึ่งในปีนี้ยังคงเน้นการทำตลาดสินค้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ (RWA) ทั้งภายใต้แบรนด์เอสเพียว และ OEM ไปยังตลาดเอเชีย ได้แก่ ประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และยุโรป ในกลุ่มสแกนดิเนเวีย อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างโรงงานใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้าไก่เสียบไม้โทริยากิ ที่ลพบุรี ในกลางปีหน้า  ที่จะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกปีละ 3,000 ตัน เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นซึ่งมีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยมากขึ้น

สมศักดิ์ ตั้งเป้าหมายยอดขายกลุ่มธุรกิจอาหารของเบทาโกรในปีนี้ ไว้ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 13% ยอดขายปีที่ผ่านมา 4.9 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้จะเป็นปีที่เบทาโกรมีความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์ที่มีวาไรตี้เพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่เพียงแต่คนไทย แต่ยังรวมถึงคนทั่วโลกที่เบทาโกรสามารถเข้าไปทำตลาดได้ และคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศขึ้นไปได้ถึง 30%

สำหรับผลงานของเบทาโกรในปีที่ผ่านมา สมศักดิ์ เผยว่า ปี 2561 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของเบทาโกร ด้วย 3 กิจกรรมหลักคือ การเปิดตัวแคมเปญการตลาดใหญ่ ไส้กรอกรมควันเบทาโกร – อร่อยใช่ สัมผัสไหนก็โดน’ โดยมี โป๊ป-ธนวรรธน์ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ไส้กรอกแบรนด์เบทาโกร สามารถเพิ่มการรับรู้แบรนด์ไส้กรอกรมควันเบทาโกรในตลาดได้ถึง 93% และมีการบริโภคเป็นประจำเพิ่มสูงถึง 45% (ช่วยดันยอดขายเพิ่มเฉพาะกลุ่มไส้กรอกสูงถึง 10% โดยที่ไส้กรอกกลุ่มพรีเมี่ยมและเกรด A เติบโตถึง 15%

นอกจากนี้เบทาโกรยังมุ่งมั่นสร้างการรับรู้และความเข้าใจเพื่อหวังให้ผู้บริโภคตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ผ่านแคมเปญ เลือกกิน ให้อนาคต’ ตอกย้ำผลิตภัณฑ์เอสเพียว ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในขั้นตอนการเลี้ยงตั้งแต่วันแรก หรือ RWA (Raised Without Antibiotics) รับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลก ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอาหารสดหมู ไก่ ไข่ ภายใต้แบรนด์เอสเพียวในปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17% ในขณะที่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมเติบโต 10%

ด้านสินค้ากลุ่ม RWA (Raised Without Antibiotics) ถือเป็นสินค้าสำคัญที่ช่วยเปิดตลาดส่งออกอาหารไปยังกลุ่มตะวันออกกลางและตลาดยุโรป ในรูปแบบ OEM และภายใต้ตราสินค้าเอสเพียว ไปยังประเทศฮ่องกงอีกด้วย ส่งผลให้ยอดส่งออกเบทาโกรเพิ่มขึ้น 14% ในขณะที่การส่งออกโดยรวมของประเทศไทยมีอัตราการเติบโตเพียง 11%