ในแวดวงธุรกิจโรงพยาบาล เวชกรรม และอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ชื่อของ “หมอบุญ” หรือ “นายแพทย์บุญ วนาสิน” ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นที่รู้จักมานานหลายสิบปี
จนปัจจุบันผู้บริหารท่านนี้ มีวัยก้าวขึ้นเลข 8 แล้ว แต่การขยายธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ของกลุ่ม “ธนบุรี เฮลท์แคร์” ก็ยังเดินหน้าไม่หยุด
ที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะวิสัยทัศน์ และหลักคิดที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และเข้าใจการจับเคลื่อนของแนวโน้มตลาดเป็นอย่างดี
“มันเป็นเรื่องของดีมานด์และซัพพลาย” นี่คือสิ่งที่ “หมอบุญ” พูดย้ำเสมอ เมื่อหาดีมานด์พบ ก็ต้องหาซัพพลายเข้าไปตอบสนอง โดยต้องมองปัจจัยรอบด้าน ผสานเข้ากับความเหมาะสมของทำเลที่ตั้ง การลงทุนแน่ละครั้งจึงจะสัมฤิทธิ์ผล
“หมอบุญ” พูดถึง การลงทุนล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป กับโครงการ “โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง” บนถนนบำรุงเมือง ด้วยงบกว่า 4 พันล้านบาท โรงพยาบาลแห่งนี้เกิดจากการการมองว่า หากต้องลงทุนสร้างอาคารใหม่ ต้องใช้งบกว่า 8 พันล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างอีกไม่น้อยกว่า 4 ปี
เขาเลือกที่จะรีโนเวทอาคารค้าปลีกเก่า ที่ทำให้ลดงบประมาณการลงทุนได้ครึ่งหนึ่ง และยังย่นเวลาในการปรับปรุงก่อสร้างเหลือเพียงปีเดียว
หลักคิดที่มองทะลุถึงศักยภาพของทำเลย่านบำรุงเมือง ที่ใช้เวลาในการเดินทางไม่มาก อยู่ใจกลางเมือง หากสร้างรีเทล หรือศูนย์การค้า ทำเลลักษณะนี้ไม่เหมาะแน่นอน เพราะด้วยภูมิศาสตร์รอบด้านไม่เอื้อ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ สำหรับนักข้อป
เพราะฉะนั้น การพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นโรงพยาบาลระดับไฮเอ็นจึงเหมาะสมที่สุด ใช้งบเพียง 4 พันล้านบาท กับเวลาก่อสร้างประมาณหนึ่งปี ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย และไม่เพียงเท่านี้คุณหมอยังกำลังคว้านซื้อที่บริเวณใกล้เคียง เพิ่อพัฒนาเป็นที่พักสำหรับญาติ หรือผู้ติดตามคนป่วย คิดค่าบริการเพียง 2-3 พันบาทต่อคืน
เพราะเป้าหมายของผู้เข้าใช้บริการ คือการสร้างให้ทำเลบำรุงเมืองตรงนี้ เป็น “Health City” สำหรับคนรักษาสุขภาพ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ กลุ่มลูกค้าทัวริสต์ต่างชาติ ที่ต้องการมารักษาหรือใช้บริการด้านอื่นๆ ด้วย
ส่วนการเลือกหาทำเล และเลือกแผนการลงทุน คุณหมอบอกว่า ทุกอย่างยังเดินหน้า และไม่ได้ตีกรอบอยู่แค่ในประเทศไทย
พร้อมยกตัวอย่างที่สหรัฐอเมริกา มีการปิดตัวของศูนย์การค้าจำนวนมาก ตอนนี้นักพัฒนาที่ดินทั้งหลาย สามารถเข้าไปเลือกข้อปได้เลย ซึ่งคุณหมอก็มีเข้าไปจับจองแล้ว ส่วนจะนำมาพัฒนาเป็นอะไร ก็ต้องดูที่ความเหมาะสมอีกครั้ง
“หมอบุญ” เลือกที่จะลงทุนในธุรกิจที่กำไรดี ความต้องการสูง เช่น การสร้างโรงพยาบาลแห่งเดียวที่สามารถรักษาแผลเบาหวานได้ โดยไม่ต้องตัดอวัยวะใดๆ ทิ้ง เพียงแค่นี้สำหรับคนที่มีกำลังจ่าย ก็พร้อมที่จะควักเงินเข้ามารับการรักษา
“การสร้างโรงพยาบาลแบบทั่วๆ ไป หมดยุคไปเสียแล้ว เพราะการลงทุนสูง การบริหารก็ยาก บุคลากรก็ไม่มีรองรับ” นั่นคือเหตุผลที่ผู้นำท่านนี้บอก
นวัตกรรมทางการแพทย์ คือสิ่งที่ “หมอบุญ” เลือกนำมาให้บริการ ด้วยคอนเซ็ปท์ของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่รักษาผู้ป่วย แต่ต้องป้องกันก่อนจะเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นด้วย และเมื่อเกิดผู้ป่วย ก็ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยสารพัดที่มีในโลกมาให้บริการ
ขณะเดียวกัน ในด้านบุคลากรทางการแพทย์นั้น “หมอบุญ” บอกว่า ได้เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ในเมืองไทยขาดแคลน ก็มีการให้ทุน ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาบุคลากรคุณภาพเพิ่มขึ้น ต่างประเทศก็ตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรรองรับ ซึ่งทำมาตั้งแต่ครั้งที่ร่วมทุนกับจีน เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว
ภายใต้เครือข่ายการลงทุนของ “หมอบุญ” ปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลัก 5 แห่ง รวมไปถึงโรงพยาบาลในเครือ และโรงพยาบาลที่ร่วมถือหุ้นอีกจำนวนมาก และยังขยายการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาลไปที่ประเทศจีน และเมียนมาร์ โดยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่น
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ทันตกรรม รวมไปถึงร้านขายยา Apex Health Care
รวมไปถึงการลงทุนในธุรกิจการซื้อขายที่ดิน การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” ซึ่งถือเป็นรายแรกของเมืองไทย ที่ลงทุนทำโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อผู้สูงวัย และยังมี โครงการ “ธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศ” อาคาร B เฮลท์แคร์ คอนโดมิเนียม เจาะตลาดคนรักสุขภาพ พร้อมสร้างโครงการสำหรับผู้สูงอายุอีกหนึ่งแห่งในต่างจังหวัด
จากแผนการลงทุน และการวางโครงข่ายทุกอย่างเพื่อรองรับ ทุกอย่างยืนอยู่บนยุทธศาสตร์ของความเหมาะสมลงตัว สิ่งเหล่านี้คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจในมือคุณหมอนักพัฒนาผู้นี้ ยังขยายตัวต่อเนื่องอย่างที่เห็นในขณะนี้
