“NEXT is NOW” SC Asset พาบ้านอนาคตมาไว้วันนี้

1729

แม้เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามาคุกคามในหลายๆ ธุรกิจให้ล้มหาย หรือต้องปรับตัวกันวุ่นวาย แต่สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีดิจิทัลกลับเข้ามายกระดับของบ้านวันนี้ให้กลายเป็นบ้านแห่งอนาคตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีในการอำนวยความสะดวกตอบโจทย์การใช้ชีวิต

“NEXT is NOW” คือแนวคิดของหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เอสซี แอสเสท ที่จะใช้ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 5 ปีจากปีนี้ จนถึงปี 2566

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว่า Next is Now คือการทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริง สร้าง living solutions ให้จับต้องได้ เพื่อส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัย หลังประกาศวิชั่นอนาคตก้าวสู่การเป็น living solutions provider ที่มีบางส่วนเกิดขึ้นจริงแล้ว และพร้อมให้บริการในครึ่งปีแรกของปีนี้ อาทิ

“Baan Rue Jai application” แอปพลิเคชันสำหรับผู้อยู่อาศัยในโครงการโดย SC ทั้งหมดกว่า 20,000 ครอบครัว ที่มี feature เบื้องต้น สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ SC, แจ้งซ่อม และตรวจสอบคุณภาพอากาศ (AQI) บริเวณใกล้เคียงที่อยู่อาศัย และ SC จะเพิ่ม feature ใหม่ๆ อีก 6-7 อย่าง อาทิ Home Automation, Down Payment, Re-finance, Home warranty, Home Profile เป็นต้น

“Rue Jai Subscription” ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต เป็น feature ล่าสุด ช่วยอำนวยความสะดวกรายเดือน โดยเสนอแพคเกจรายเดือนเริ่มต้น เดือนละ 1,990 บาท สำหรับคอนโดมิเนียม และ 2,990 บาท สำหรับบ้านเดี่ยว ครอบคลุมบริการดูแลที่อยู่อาศัย เช่น ดูแลสวน, ซัก อบ รีด, ทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงบริการอื่นๆ ในอนาคต ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น โดยเป็นการร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านต่างๆ อาทิ Fixzy, Health at Home, De Hygienique, Infinite Landscape, Daikin และ Dusit on Demand เป็นต้น

“Mr. Holmes” หุ่นยนต์ตรวจการอัจฉริยะสัญชาติสิงคโปร์ตัวแรกในประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรอบโครงการ The Neighbourhood บางกระดี เป็นก้าวแรกของการใช้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับ รปภ.ที่เป็นมนุษย์

“Project Agora” โครงการความร่วมมือระหว่าง SC X IDEO Tokyo บริษัท ออกแบบโซลูชั่นระดับโลก ผู้นำแนวคิด human-centered design และใช้ design thinking มาสร้างงานออกแบบพื้นที่ “Third Space” ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่ในโครงการของ SC ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัท ไหนทำมาก่อน

“Project Computational” เป็นการทดลองนวัตกรรมการออกแบบผังโครงการครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ร่วมกันระหว่าง SC X Fire One One โดยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้การออกแบบผังโครงการ เพื่อเป็นก้าวแรกสำหรับสร้าง AI ที่จะออกแบบผังโครงการให้ SC ในอนาคต และก้าวต่อไปจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์นักออกแบบและ AI นักออกแบบ ที่จะช่วยให้การออกแบบบ้านมีคุณภาพมากขึ้น และใช้เวลาน้อยลง โดยจะมีการเปิดตัวแบบบ้านแรกได้ในปลายปีนี้

โดยการเป็น living solutions provider นั้น ณัฐพงศ์มองว่า หัวใจสำคัญของความสำเร็จ คือ บุคลากรองค์กร และสิ่งที่ขับเคลื่อนบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ วัฒนธรรมองค์กร ต้นปี 2562 บริษัทฯ ได้ประกาศวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า #SKYDIVE โดยมีค่านิยม (core values) 4 อย่างคือ

Care ให้ความใส่ใจต่อลูกค้า

Courage กล้าคิด กล้าพูด และกล้าทำในเรื่องใหม่ๆ

Collaboration ความร่วมมือกับพันธมิตร

Continuous improvement การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งนอกเหนือจากการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก และสร้างรูปแบบการทำงานใหม่ๆ แล้ว อีก 2 เป้าหมายสำคัญภายใต้แนวคิด Next is Now คือ

 “SC ASSET Profit Growth” กำไรดี หนี้ลด มุ่งสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ในปี 2562 สู่ 3,000 ล้านบาท ในปี 2566

“SC ASSET is Quality” เติบโตโดยรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพสูง SC Family จะเติบโตจาก 20,000 ครอบครัว ปี 2562 เป็น 35,000 ครอบครัว ปี 2566 โดยมีคุณภาพเป็น top priority ในการขับเคลื่อนบริษัท

ณัฐพงศ์ กล่าวว่า SC ตั้งเป้ารายได้ สำหรับปี 2562 ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโต 22% แบ่งสัดส่วนแนวราบ-แนวสูง-เพื่อเช่า ในสัดส่วน 60%-35%-5% ตามลำดับ พร้อมกับเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท เติบโต 46%

โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย จะมาจากโครงการเปิดขายทั้งหมดรวม 59 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 62,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 46 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดอีก 13 โครงการใหม่ มูลค่า 22,700 ล้านบาท ได้แก่ แนวราบ 9 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท มีทั้งโครงการบ้านและทาวน์โฮมซีรีส์ใหม่ในทุกระดับราคา แบ่งเป็นกลุ่มระดับราคาน้อยกว่า 8 ล้านบาท ประมาณ 71% กับกลุ่มระดับราคามากกว่า 8 ล้านบาท ประมาณ 29%

พร้อมกับแนวสูง 4 โครงการใหม่ มูลค่า 16,200 ล้านบาท แบ่งเป็น SC พัฒนา 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Crest (เดอะเครสท์) ได้แก่

The Crest Park Residences ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท บนที่ดิน Prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ใกล้กับศูนย์การค้าชั้นนำอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ทำให้ได้วิวสวนพื้นที่กว่า 700 ไร่ โดยพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น

The Crest Asoke Residences บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ 2 งาน มูลค่า 2,500 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 23 เพียง 450 เมตรถึง MRT สุขุมวิท และ BTS สถานีอโศก ย่านใจกลางธุรกิจที่ผสมผสานความสะดวกสบาย และความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ lifestyle ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิ้งในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศก และพัฒนาโดยบริษัท สโคป จำกัด อีก 2 คอนโดฯ ระดับ Super Luxury มูลค่า 10,200 ล้านบาท ทำเลหลังสวน ศูนย์รวมธุรกิจใจกลางเมือง และทำเลติด  BTS สถานีทองหล่อ

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Area (Agency Real Estate Affairs) สรุปเมื่อปี 2561 ชี้ว่า บ้านเดี่ยวจาก SC ในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไป ครองอันดับ 1 มี Market Share ถึง 14% ส่วนบ้านระดับราคา น้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโตจาก Top 10 มาอยู่อันดับ 4 ด้วย Market Share 6%

สำหรับผลงานในปี 2561 SC มีผลการดำเนินงานที่ดีเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 15,616 ล้านบาท เติบโต 25% กำไรสุทธิ 1,782 ล้านบาท เติบโต 42% พร้อมมียอดขาย 15,022 ล้านบาท นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายนนี้ ต่อไป