“กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์” จากนายแบงก์สู่นักบริหารคอนเทนต์ สานต่อไอเดียสร้างความสำเร็จ Line TV

5049

ขณะที่ดิจิทัลทีวี กลายเป็นสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) อีกสื่อหนึ่งที่ประสบปัญหา คนดูน้อย รายได้ลด สื่อใหม่ หรือ Social Media อย่าง Line TV และ  Line Today กลับเติบโตแบบพุ่งกระฉูด ด้วยฝีมือนักบริหารรุ่นใหม่ “กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์” ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนท์ บริษัท ไลน์ ประเทศไทย

ทำไม Line TV ถึงเติบโตได้กว่า 50% เพียงไตรมาสแรกของปี และ Line Today สามารถสร้างฐานผู้ใช้ได้มากถึง 33 ล้านราย ด้วยระยะเวลาเพียงปีเดียว

“กวิน” บอกว่า การเติบโตที่ได้เห็นใน Line TV และ Line Today เกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง โดยสิ่งแรกที่ทำให้ Line TV และ Line Today เติบโตได้ เกิดจากการกำหนดวิชั่นที่ชัดเจน โดยทีมร่วมกันเซ็ตอัพวิชั่นขึ้นมา และอีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันคือ ผู้บริหารที่มีวิชั่น และช่วยซัพพอร์ตให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ด้วยการลงทุนที่เหมาะสม

และอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้คือ การตลาด การจะเซ็ตวิชั่น เลือกคอนเทนต์ คัดสรรคลิปวิดีโออะไรก็ตามมานำเสนอ ต้องเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ ที่คอนเทนต์ส่วนใหญ่อยู่ในจุดของความต้องการในตลาดตรงนั้นพอดี

เมื่อมีวิชั่น มีคอนเทนต์แล้ว ช่องทางการสื่อสาร หรือแพลตฟอร์มในการเข้าถึงของผู้บริโภค ก็พร้อมสรรพ โดย Line ทำหน้าที่ซัพพอร์ตทุกอย่างให้กับ Line TV และ Line Today ทั้งการตลาด การสร้างแบรนด์ การสื่อสารถึงผู้บริโภค ซึ่ง Line ช่วยผลักดัน ทำให้เกิดการเติบโตได้แบบก้าวกระโดด

นักบริหารหนุ่มผู้นี้บอกว่า เขาทำหน้าที่เป็นผู้ซัพพอร์ตธุรกิจ พร้อมๆ กับขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปข้างหน้า ด้วยการรวบรวมไอเดียของทุกๆ คน มาทำให้เกิดเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และนั่นคือสิ่งที่ท้าทายมากๆ สำหรับเขา

“คนส่วนใหญ่ที่ทำงานตรงนี้ มีครีเอทีฟเยอะ ส่วนผมมาทางด้านการวางแผน และบริหารตัวเลข เราจึงต้องมาช่วยกันตบความคิด นำความคิดเหล่านั้นมาทำเป็นแผนที่ชัดเจน แล้วคำนวณต้นทุน สุดท้ายคือ วัดผลให้ชัดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม และตรงกับแผนของเรามากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ตรง ก็ต้องมาดูกันว่า ต้องปรับอย่างไร”

ในวันนี้ Line TV และ Line Today เติบโตและได้รับความสนใจจากคนดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคอนเทนต์ที่แตกต่าง ซึ่ง “กวิน” บอกเลยว่า ทั้ง Line TV และ Line Today ไม่ใช่ผู้ผลิตคอนเทนต์ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอคอนเทนต์ ดังนั้นผู้ผลิตทั้งหลาย คือพาร์ทเนอร์ของ Line TV และ Line Today

แต่สิ่งที่จะถูกคัดลือกเข้ามานำเสนอในแพลตฟอร์มทั้งสองนี้ ต้องแตกต่างจากที่มีอยู่ในดิจิทัลทีวีทั่วไป เพราะคอนเทนต์ คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจ 2 ตัวนี้ให้เติบโต

“กวิน” บอกว่า คอนเทนต์ที่ถูกนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มของ Line TV และ Line Today จะมีทีมคอนเทนต์เป็นผู้คัดเลือก ซึ่งมีทั้งผู้ผลิตที่เข้ามานำเสนอ และบางครั้งก็มีการตั้งโจทย์จากทีม แล้วหาคนที่ผลิตตามโจทย์ที่กำหนดขึ้น รวมไปถึงการร่วมผลิต ซึ่งวางไว้อย่างน้อยปีละ 2-3 คอนเทนต์ ที่เราจะทำเป็น Co-Production

ทั้งนี้ การสร้างโจทย์ก็มีหลายปัจจัย บางส่วนก็มานั่งดูเทรนด์ของตลาด หรือเทรนด์ใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือฟอร์แมตต่างประเทศที่เริ่มดัง หรือไปคุยกับโปรดักชั่นเฮ้าส์ในต่างประเทศ แล้วดึงเข้ามาผลิตในประเทศไทย

เรียกว่ามีหลากรูปแบบ หลายวิธีการ ในการสรรหาคอนเทนต์เข้ามาเสริมให้กับ Line TV และ Line Today

แน่นอน การเป็นผู้นำตลาดและการเติบโตที่รวดเร็ว ย่อมมีความเสี่ยง และมีความผิดพลาดบ้าง แต่แนวทางธุรกิจแบบสตาร์ทอัพหรือธุรกิจยุคใหม่ คือ การทำ ล้ม แล้วลุกให้เร็ว (Fail Fast, Move Fast) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อพลาดต้องรีบปรับ แล้วเดินหน้าต่อ โดยแนวทางคือ ถ้ามีคอนเทนต์ที่ดี Line ก็พร้อมลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการเป็นพาร์ทเนอร์ หรือการร่วมผลิต ทั้งในส่วนของ Line TV และ Line Today

“กวิน” บอกว่า เป้าหมายต่อไปของ Line TV และ Line Today คือ การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเข้าไปตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (personalization) ให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา Line TV สร้างแนวคอนเทนต์ใหม่ๆ อย่าง “LGBT” ซึ่งเป็นแนวคอนเทนต์ที่สนองตอบความหลากหลายของเพศวิถี (Sexuality) เป็นการสร้างแนวทางใหม่ๆ ดึงกลุ่มคนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ เข้ามา และคอนเทนต์ที่นำเสนอ ก็ต้องเป็นคอนเทนต์คุณภาพ ที่จะทำให้ทั้งตัวคอนเทนต์และการทำตลาดประสบความสำเร็จ

ความท้าทายต่อไปของ “กวิน” ก็คือ ทำอย่างไรให้การเติบโตแบบยั่งยืนนั้นเกิดขึ้นจริง พร้อมๆ กับการขยับยูสเซอร์จาก 33 ล้านคนของ Line Today ให้ก้าวไปถึง 40 ล้านคนให้ได้ การตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalization) คือ ทางเลือกต่อไปในการเดินเกมนี้ ซึ่งทีมคอนเทนต์ และผู้นำทีมอย่าง “กวิน” ต้องเข้าไปดูว่าแต่ละกลุ่มคนดู มีความสนใจคอนเทนต์อะไร แล้วเข้าไปสนองตอบความต้องการตรงนั้นให้ได้ 

“กวิน” ยังบอกอีกว่าตัวเองทำงานอยู่กับ Line มากกว่า 3 ปี โดยเริ่มต้นจากการดูบริหารกลยุทธ์และบริการใหม่ๆ ของไลน์ และได้ย้ายเข้ามาบริหารคอนเทนต์เมื่อประมาณปีกว่า ๆ งานตรงนี้คือ ความท้าทายใหม่ๆ ที่ต้องโฟกัสและลงมือทำ (execution) สร้างแผนเสร็จ จะทำอย่างไรให้มันเกิดขึ้นจริงๆ

และส่วนสำคัญ “คอนเทนต์” ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้เยอะมาก แต่ผู้ชายคนนี้ก็สนุก และพร้อมจะลุยต่อ

ผู้ชายคนนี้จึงเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของ Line ในประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า พร้อมทั้งนำประสบการณ์การเป็นนายแบงค์ ทำงานเกี่ยวกับตัวเลข ใช้ตรรกะความคิดที่มีเหตุมีผล มาบาลานซ์กับงานศิลปะในรูปแบบของสตาร์ทอัพได้อย่างน่าสนใจ และน่าติดตามมากเลยทีเดียว