ถึงเวลา “เนสกาแฟ” เปิดร้านกาแฟ

1901

คุณคิดว่าร้านกาแฟในกรุงเทพฯ มีมากพอหรือยัง?

คุณอาจเห็นร้านกาแฟแบรนด์เนม ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ  เปิดร้านชนกันอยู่ตามศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และยังมีร้านกาแฟโนเนมอีกหลายร้านเปิดขายอยู่ริมถนน มีราคาให้เลือกดื่มตั้งแต่ 15-25 บาท ไปจนถึงกว่าร้อยบาทต่อแก้ว

แต่นั่นก็อาจจะยังไม่ถือว่าครบถ้วน  เพราะประเทศไทยยังไม่มีร้านกาแฟของแบรนด์กาแฟที่คนไทยคุ้นเคยกันมากที่สุดอย่าง “เนสกาแฟ”

ย้อนกลับไปเมื่อกลางปี 2560  เนสกาแฟเคยเปิดร้านกาแฟในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในชื่อ เนสกาแฟโกลด์ คาเฟ่” แต่ครั้งนั้นเป็นเพียงร้านกาแฟที่เปิดเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งเดือน โดยมีวัตถุประสงค์ในการยกระดับความเป็นกาแฟพรีเมียมของเนสกาแฟโกลด์

แต่ในปีนี้ เนสกาแฟ เจ้าตลาดกาแฟในบ้าน ประกาศเปิดประตูออกสู่ตลาดนอกบ้าน เปิดธุรกิจร้านกาแฟ “เนสกาแฟ ฮับ” ปักหมุดร้านกาแฟแห่งแรกในประเทศไทย

ร้านกาแฟไม่ใช่ธุรกิจใหม่ของเนสกาแฟ เพราะในประเทศญี่ปุ่น เนสกาแฟเริ่มเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน และขยายมาเป็นกว่า 50 สาขาในปัจจุบัน  มีสาขาในเกาหลีใต้, มาเลเซีย  และประเทศไทยเป็นสาขาล่าสุด

แวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เผยว่า เนสกาแฟได้พลิกโฉมเกมการทำตลาดกาแฟในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว ‘เนสกาแฟ ฮับ แอท บีทีเอส ชิดลม’ นำเสนอประสบการณ์ใหม่ของการดื่มกาแฟสดจากเนสกาแฟ มัดใจผู้บริโภคที่สัญจรด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจใหม่ในการรุกตลาดกาแฟนอกบ้านของเนสกาแฟ

“3 เทรนด์การดื่มกาแฟในปัจจุบัน ประกอบด้วย  1) ต้องมีตัวเลือกของเครื่องดื่มเยอะ  2) ความต้องการประสบการณ์ระดับพรีเมียมในร้านกาแฟ และ 3)เทรนด์ความต้องการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพ   ซึ่งทั้ง 3 เทรนด์นี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกาแฟนอกบ้าน  โดยเป้าหมายของเนสกาแฟ ต้องการเป็นแบรนด์กาแฟในใจของผู้บริโภคไม่ใช่เฉพาะตลาดกาแฟในบ้าน แต่เราต้องการเป็นแบรนด์ในใจของตลาดกาแฟโดยรวม”

เนสกาแฟ ฮับ ใช้คอนเซ็ปต์และดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเนสกาแฟ แฟลกชิปสโตร์ ในย่านฮาราจูกุประเทศญี่ปุ่น เสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มและ Signature Menu ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน ซึ่งล้วนปรุงด้วยเมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดีนำเข้าจากโคลอมเบีย 100% โดยนอกเหนือเมนูกาแฟประจำที่มีให้บริการแล้ว ในทุกเดือนจะมี Signature Menu ใหม่ๆ เข้ามาเสริมเป็นประจำ โดยผู้บริหารเนสท์เล่ ตั้งเป้าหมายว่า ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เดินทางมายังย่านชิดลม ประมาณวันละ 15,000 คน  จะสร้างยอดขายได้มากกว่า 300 แก้วต่อวัน  และเนสท์เล่(ไทย) ก็มีแผนที่จะเปิดเนสกาแฟ ฮับ สาขาต่อไปโดยเน้นย่านชุมชนกลางเมือง และตามเส้นทางรถไฟฟ้า

ด้านศุภวัฒน์ คามีเยาน์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนากลุ่มธุรกิจกาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟ ฮับ แอท บีทีเอส ชิดลม เป็นการนำเสนอประสบการณ์กาแฟสดครั้งแรกของเนสกาแฟ มุ่งเจาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ นักช็อป นักชิม นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ด้วยการชูจุดขายที่แตกต่างเอาใจคอกาแฟ ตั้งแต่การเลือกใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดีนำเข้าจากโคลอมเบีย 100% คั่วในระดับปานกลาง เพื่อปรุงกาแฟให้อร่อยลงตัวเป็นรสชาติที่คนชื่นชอบในราคาที่เหมาะสม วางราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ 45-65 บาท พร้อมทั้งนำเสนอบรรยากาศของการดื่มกาแฟสไตล์คลื่นลูกที่สาม ที่ผู้ดื่มต้องการกาแฟที่มีรสชาติดีเยี่ยม ด้วยมุมกาแฟสดคุณภาพพรีเมียม และกาแฟไนโตรเจนเสิร์ฟจากแท็ป พร้อมทั้งซิกเนเจอร์เมนูของร้าน ได้แก่ ‘ชากาแฟ’ ‘คาเฟ่โมฮิโต้’ และ ‘ลาเวนเดอร์บลิส’”

โดยที่เนสกาแฟ ฮับ แอท บีทีเอส ชิดลม จะมีกิจกรรมสนับสนุนทั้งแคมเปญการตลาดยาวตลอดทั้งปี พร้อมการพัฒนาซิกเนเจอร์เมนู และการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ร่วมกับคนดังอีกมากมาย โดยในช่วงเปิดตัว เนสกาแฟ ฮับ แอท บีทีเอส ชิดลมนี้ เนสกาแฟได้เชิญแชมป์ลาเต้อาร์ตโลก ซาวาดะ ฮิโรชิ มาร่วมโชว์ฝีไม้ลายมือในการปรุงเมนูสุดพิเศษ “โตเกียว เอ็กซ์เพรส” ให้กับลูกค้าในวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 พร้อมมีโปรโมชั่นพิเศษให้กับคนทำงาน โดยสามารถแสดงบัตรพนักงานเพื่อเป็นส่วนลด 10 บาทในการซื้อเครื่องดื่มทุกเมนูตั้งแต่วันที่ 3 – 31 กรกฎาคมนี้เท่านั้น

ปัจจุบัน ตลาดการบริโภคกาแฟนอกบ้านในประเทศไทยมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 26,700 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 8% ในปี 2560 สำหรับร้านกาแฟและคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคไทยเป็นอย่างมาก โดยมีมูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 15.7% ต่อปี ซึ่งยอดขายเครื่องดื่มในจุดศูนย์กลางการเดินทางยังมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี