วีเอ็มแวร์เตรียมความพร้อมให้องค์กรรับมือ 5G

956

โลกอนาคตของการสื่อสารที่เรากำลังเฝ้ารอคอย เครือข่าย 5G แม้มุมหนึ่งจะเข้ามาสร้างชีวิตไลฟ์สไตล์ของผู้คนให้ไหลรื่น รวดเร็วขึ้น  แต่อีกมุม  5G คือโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร จะสามารถสร้างความแตกต่าง และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ แก่ลูกค้า

วีเอ็มแวร์ บริษัทผู้นำด้านการพัฒนาซอฟท์แวร์ระดับโลก ให้ทัศนะว่า  เทคโนโลยี 5G เหมือนดังเช่นบรอดแบนด์บนโทรศัพท์มือถือ จะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารมีความคล่องตัวและความรวดเร็วในการสร้างและเปิดตัวแอพพลิเคชั่นและบริการใหม่ๆ รวมถึงช่วยให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น สำหรับบริษัทด้านโทรคมนาคมและผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (communications service providers- CSPs) ที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานในอนาคต ก็จะได้รับผลกระทบในแง่มุมต่างๆ เช่นกัน

ดังนั้น เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการใช้งานเทคโนโลยี 5G  ผู้นำองค์กรต้องคิดไปให้ไกล มากกว่าแค่การวางเครือข่ายใยแก้วความเร็วสูง องค์กรจำเป็นต้องใช้สถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ และเน็ตเวิร์กฟังก์ชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Network Functions Virtualization – NFV)

ซานเจย์ เค เดซมุขฮ์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเกาหลี (SEAK) บริษัทวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ข้อมูลอันมีค่าต่างๆ ล้วนเชื่อมต่อผ่านระบบเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะเมื่อมีเทคโนโลยีอย่าง IoT, 5G, AI รวมถึงเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ทำให้ผู้ใช้งานในปัจจุบันไม่เพียงเชื่อมต่อข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ เดสก์ท็อปและ แล็ปท็อป แต่ยังใช้งานเชื่อมต่อผ่านทางอุปกรณ์มือถืออีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเน็ตเวิร์กที่เหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่

ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยได้เริ่มปฏิรูประบบดิจิทัลในองค์กรเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและพนักงาน และเพื่อผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการปรับตัวนี้ยังส่งผลมาจากที่ในปัจจุบันผู้ใช้งานคุยเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น

ข้อมูลจาก International Telecommunication Union ระบุว่าในปีพ.ศ.2560 อัตราการสมัครสมาชิกบรอดแบนด์บนมือถือในประเทศไทยถึง 99% ในขณะที่องค์กรต่างๆ พยายามจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารมากขึ้น ส่งผลให้ระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยขององค์กรมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อมีการเคลื่อนย้ายของข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลส่วนกลาง (Centralized data centers) ไปยังแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ (hyper distributed applications) และที่ปลายทางของระบบเน็ตเวิร์ก(Edge)

ด้วยเหตุนี้ สถาปัตยกรรมของระบบเน็ตเวิร์กจึงต้องถูกพัฒนาเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างครบวงคร ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูลส่วนตัวขององค์กร บนคลาวด์สาธารณะ เครือข่ายโทรคมนาคม สาขาขององค์กร และจุดเชื่อมต่อปลายทาง นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของระบบเน็ตเวิร์กยังต้องสามารถมอบความปลอดภัยได้ไม่ว่าองค์กรจะใช้คลาวด์ใด ก็ตาม รวมถึงสามารถจัดการให้ศูนย์ข้อมูล คลาวด์ และสาขา ดำเนินงานร่วมกันได้

“ระบบดิจิทัลพื้นฐานของวีเอ็มแวร์ช่วยให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทำให้กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเวอร์ช่วล คลาวด์ เน็ตเวิร์ก (Virtual Cloud Network) สถาปัตยกรรมระบบเน็ตเวิร์กแห่งอนาคตที่ควบคุมได้ด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งจะเป็นแนวทางสำหรับการใช้งานระบบเน็ตเวิร์กใหม่ในอีก 20 ปีข้างหน้าเพื่อจะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” ซานเจย์ กล่าว

ด้วยแอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่กระจายตัวอยู่ทุกที่ องค์กรต่างๆไม่สามารถพึ่งพาเน็ตเวิร์กแบบฮาร์ดแวร์เดิมที่ติดตั้งภายในศูนย์ข้อมูลของตนเพื่อดำเนินธุรกิจได้อีกต่อไป  เวอร์ช่วล คลาวด์ เน็ตเวิร์ก จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างสถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์กที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์แบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการแอพพลิเคชั่นและข้อมูลได้ในทุกที่ เวอร์ช่วล คลาวด์ เน็ตเวิร์ก สามารถใช้งานได้ในสเกลระดับโลก ทำให้การเชื่อมต่อจากจุดปลายทางของการใช้งานเน็ตเวิร์กหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งสอดคล้องกัน ที่สำคัญยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับแอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่เป็นอิสระจากโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพหรือสถานที่ตั้ง

และเพื่อทำให้เกิดระบบเครือข่ายที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่จำเป็น วีเอ็มแวร์ ได้เปิดตัว VMware NSX และกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถควบคุม เชื่อมต่อ รักษาความปลอดภัยและใช้งานได้จากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมือนกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงทำให้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่อยู่ภายในดาต้าเซ็นเตอร์ สาขาองค์กร และคลาวด์ มีความปลอดภัย ลูกค้าจะสามารถจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัยได้อย่างสอดคล้องกันทั้งในศูนย์ข้อมูลขององค์กร หรือบนพับลิกคลาวด์ เช่น AWS Azure และ IBM Cloud

 VMware NSX และกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาความปลอดภัยประกอบไปด้วย

VMware NSX Data Center หนึ่งในแพลตฟอร์มเน็ตเวิร์กเวอร์ช่วลไลเซชั่นที่ได้รับการยอมรับและถูกใช้งานมากที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับศูนย์ข้อมูลระดับองค์กร ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 4,500 รายทั่วโลกที่ใช้งาน

VMware NSX SD-WAN by VeloCloud โซลูชั่นระบบเน็ตเวิร์กขนาดใหญ่  (WAN) ชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ควบคุมได้ด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน Network overlay ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยความเร็วในการปรับใช้ การปรับขยายขนาดการใช้งาน และบริการบนคลาวด์แบบอัตโนมัติ

VMware NSX Cloud ทำให้ระบบเน็ตเวิร์กและระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับแอพพลิเคชั่นที่ทำงานในศูนย์ข้อมูลและบนคลาวด์สาธารณะทำงานได้สอดคล้องกัน

VMware NSX Hybrid Connect ช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ปัญหาด้วยระบบเน็ตเวิร์กสำหรับไฮบริดคลาวด์ที่สอดคล้องกัน

ด้าน เอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ในมุมบริษัทเอกชน แอพพลิเคชั่นในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะเดียวกัน ในแง่มุมของภาครัฐ แอพพลิเคชั่นที่มีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพในการบริการของภาครัฐได้ ในฐานะที่ประเทศไทยกำลังถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามดิจิทัลโร้ดแม็ป และวิสัยทัศน์ในการก้าวเป็นสมาร์ทซิตี้ วีเอ็มแวร์มุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรในประเทศไทยมีเครื่องมือที่เหมาะสมในการช่วยให้สามารถสร้างสรรค์ จัดการ รักษาความปลอดภัย และเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นเข้ากับผู้ใช้งานและข้อมูลไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม