CRG รุกธุรกิจอาหารแสนล้านรับเศรษฐกิจโต เล็งเพิ่มแบรนด์เสริมพอร์ต ย้ำผู้นำ Food Chain Industry

1996

CRG ประกาศรุกธุรกิจอาหารแสนล้านรับเศรษฐกิจเติบโต วางกลยุทธ์ Change for Growth เตรียมขยายเพิ่มแบรนด์ในพอร์ต ตอกย้ำจุดแข็งผู้นำ Food Chain Industry เดินหน้าแผน Let’s Success Together ดึงเอสเอ็มอีร่วมลงทุนและเติบโตไปด้วยกัน รุดจับมือดีลิเวอรี่รายใหญ่เจาะผู้บริโภค พร้อมบุกตลาด “เวียดนาม” ชิงส่วนแบ่งอาเซียน โชว์ผลประกอบการปี60 พุ่งทะลุ 10,987 ล้าน ผลกำไรรวมทุกแบรนด์เติบโตมากกว่า 15% ตั้งเป้ารายได้ปี 2561 ยอดขายเติบโต 11%

ณัฐ วงศ์พานิช  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (CRG)

นายณัฐ วงศ์พานิช  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) เปิดเผยว่า ซีอาร์จีในฐานะผู้นำธุรกิจร้านอาหารเครือข่าย(Food Chain Industry) ของประเทศไทยที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี มีแบรนด์ธุรกิจร้านอาหารที่หลากหลาย (Multi-Brand) ภายใต้ตราสินค้าของธุรกิจร้านอาหารในเครือมากถึง 11 แบรนด์ได้เตรียมแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในปี 2561 เพื่อรุกตลาดที่มีอัตราเติบโตต่อเนื่องและมีเม็ดเงินมากกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นตลาดเซกเมนต์ร้านอาหารเครือข่ายหรือ “ฟู้ดเชน” สูงถึง 140,000 ล้านบาท โดยซีอาร์จีมีสัดส่วนในตลาดฟู้ดเชนประมาณ 8%

โดยมีแผนและกลยุทธ์หลัก Change for Growth 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก จะเน้นการเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ ในประเทศ ทั้งการซื้อแบรนด์ธุรกิจ ซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์และร่วมทุน รวมทั้งการสร้างคอนเซ็ปท์แนวใหม่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อเข้าถึงและขยายฐานกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ปีนี้จะเป็นปีที่พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะซีอาร์จีเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยหรือกลุ่มเอสเอ็มอีเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทำธุรกิจ เนื่องจากเอสเอ็มอีเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ขณะที่ซีอาร์จีมีความแข็งแกร่งและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารยาวนานกว่า 40 ปี ทั้งด้านวัตถุดิบ การตลาด บุคลากร โนว์ฮาวต่างๆ โดยเปิดช่องทางให้ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อที่อีเมล์ successtogether@crg.co.th

“แผนงาน Let’s Success Together จะทำให้ซีอาร์จีสามารถเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในพอร์ต เนื่องจากยังมีธุรกิจอาหารอีกหลายตัวที่มีช่องว่าง การสร้างคอนเซ็ปท์ใหม่ที่จะสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้า ขยายฐานกว้างมากขึ้น และการขยายสาขาอย่างรวดเร็วจากการเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนใหม่ กลุ่มผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนร่วมกัน” ณัฐกล่าว

ประการสอง ซีอาร์จียังมีแผนรุกขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลมีฐานธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งอาเซียน เอเชีย และยุโรป โดยปีนี้การรุกตลาดต่างประเทศ ซีอาร์จีจะนำร่องโฟกัสตลาดอาเซียน เริ่มที่ประเทศเวียดนามเป็นอันดับแรก เนื่องจากกลุ่มเซ็นทรัลมีฐานธุรกิจห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า ทั้งห้างบิ๊กซี โรบินส์ที่สามารถรุกตลาดได้ทันที

ขณะเดียวกัน ประเทศเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก มีจำนวนประชากร 90-100 ล้านคน มากกว่าประเทศไทยและมีศักยภาพด้านกำลังซื้อสูง แม้ธุรกิจโมเดิร์นเทรดและธุรกิจอาหารยังมีขนาดไม่ใหญ่เท่าประเทศไทยแต่มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกหลายเท่า ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีมากในเวลานี้

ประการที่สาม คือ การพัฒนาระบบและ New DNA เพื่อรองรับการเติบโต โดยจะพัฒนา Central Kitchen เพื่อควบคุมต้นทุนและคุณภาพของอาหารเปลี่ยน POS System เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการได้ดียิ่งขึ้นและใช้ Business Intelligent (Information System) ในการจัดกลุ่มข้อมูลที่ซีอาร์จีมีอยู่ เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลให้สามารถนำมาใช้งานได้มากขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองธุรกิจในทุกระดับ รวมทั้งสร้าง New DNA พนักงานยุค 4.0 ที่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ ยอมเสี่ยงเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ไม่เห็นความผิดพลาดเป็นเรื่องใหญ่

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2561 มากกว่า 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 11% จากปีที่ผ่านมาซึ่งจากผลการดำเนินการในปีที่ผ่านมา นอกจากการเติบโตของยอดขายแล้วบริษัทยังมีอัตราเติบโตของผลกำไรเป็นที่น่าพอใจทุกแบรนด์ และหลายแบรนด์ก็มีอัตราการเติบโตของผลกำไรอยู่ในอัตราสูงมาก เช่น มิสเตอร์โดนัท มีอัตราเติบโต 17% ชาบูตง เติบโต 332% โอโตยะ เติบโต 267% เทนยะ เติบโต 368% คัตสึยะ เติบโต 259% โยชิโนยะ เติบโต 129%

ทั้งนี้ ในปีนี้จะเป็นปีที่พิเศษกว่าที่ผ่านมา เพราะในเดือนกันยายนนี้ ซีอาร์จีจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 จึงได้เตรียมแคมเปญที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าคนสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มปล่อยแคมเปญตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ส่วนรายละเอียดของแคมเปญต่างๆ นั้นจะประชาสัมพันธ์ให้ได้ติดตามกันต่อไปเป็นระยะๆ

ปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาดซีอาร์จี

ด้านปิยะพงศ์ จิตต์จำนงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายการตลาดซีอาร์จี กล่าวว่า  แบรนด์ธุรกิจอาหารทั้ง 11 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท, เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง, โคลสโตน ครีมเมอรี่, เดอะเทอเรส, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ จะมีการปรับคอนเซ็ปท์และสร้างความตื่นเต้นดึงดูดกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย ตอกย้ำจุดแข็งด้านคุณภาพอาหาร ความอร่อย ความหลากหลาย และบริการที่ดีเยี่ยม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงและมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น การแข่งขันรุนแรงขึ้น อาทิ มิสเตอร์โดนัท และ อานตี้ แอนส์โดยอานตี้ แอนส์ จะเน้นการพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ให้มีความหลากหลาย (Product Innovation)

ส่วนมิสเตอร์โดนัทจะเปิดตัวร้านคอนเซ็ปท์ใหม่ Mister Donut Café/Donut & More สร้างภาพลักษณ์ใหม่ ทั้งรูปโฉมร้านและเพิ่มลูกเล่นเมนูต่างๆ นอกจากเมนูโดนัทรสชาติต่างๆ ที่มัดใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน จะเพิ่มเครื่องดื่มกาแฟสด เพิ่มเมนูโวนัท (Wonut) แป้งโดนัทในรูปแบบวาฟเฟิล อบร้อน พร้อมท็อปปิ้งหลากหลาย และมีการขยายสาขาในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น ทั้งในศูนย์การค้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงพื้นที่อื่นๆ นอกศูนย์การค้า อาทิ โรงพยาบาล, อาคารสำนักงาน, ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ

ด้านแบรนด์อื่นๆ มีแผนปรับคอนเซ็ปท์และรูปโฉมเช่นเดียวกัน  เช่น โอโตยะ ที่จะมีการรีโนเวตสาขาให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

ปิยะพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ซีอาร์จีได้โฟกัสการขยายตลาดผ่านช่องทางดีลิเวอรี่มากขึ้น เนื่องจากภาพรวมธุรกิจดีลิเวอรี่เติบโตสูง ไม่ต่ำกว่า 12-15% และเป็นเทรนด์การใช้บริการของผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยจับมือกับผู้นำด้านบริการดีลิเวอรี่ ทั้ง Line Man, Food Panda, Uber Eats และ Grab Food รวมทั้งจะขยายพันธมิตรเพิ่มขึ้น พร้อมปรับระบบต่างๆของร้านสาขารองรับการเติบโต

และที่พิเศษกว่านั้น  บริษัทเร่งพัฒนาระบบดีลิเวอรี่ให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากแบรนด์ต่างๆในเครือได้หลายแบรนด์ในการสั่ง 1 ครั้ง นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ “Food Heaven” แหล่งรวมร้านอาหารหลากหลายแบรนด์ในเครือซีอาร์จี ในพื้นที่ให้บริการไม่ต่ำกว่า 300 ตารางเมตร ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสรรรับประทานอาหารครบทุกความต้องการได้ในที่เดียว