พิบูลย์ศักดิ์ ไกรศักดาวัฒน์ กับอาณาจักรคลังสินค้า TIP Holding “วันนี้ผมทำเพื่อตอบแทนประเทศ”

4140

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยอยู่ในขั้นเบ่งบานสุดขีด ถึงกับมีเสียงเยินยอว่า นี่คือเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย ต่อจาก 4 เสือตัวจริงของเอเชีย ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

แต่ความจริงกับความฝันมันห่างกันไม่ไกล ความล้มเหลวในการควบคุมรักษาเสถียรภาพทางการเงินของรัฐบาลยุคนั้น ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เสือตัวที่ 5 กลายสภาพเป็นแมวป่วย สถาบันการเงินถูกปิดเป็นทิวแถว โครงการอสังหาริมทรัพย์ถูกปล่อยทิ้งเพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน พนักงานบริษัทโดนลอยแพ ตกงานกันทั่วเมือง

ไม่ต่างจากเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง ในพื้นที่สมุทรปราการ ของ พิบูลย์ศักดิ์ ไกรศักดาวัฒน์  ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทิพย์โฮลดิ้ง จำกัด ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตคราวนั้นจนเกือบเอาตัวไม่รอด

พิบูลย์ศักดิ์ เป็นนักธุรกิจที่ดิน ที่เข้ามาทำธุรกิจในยุคทองของเศรษฐกิจ 2537-2538 ทำเลดีที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนาเวลานั้นมีอยู่มากมาย เขาทำหน้าที่หาซื้อที่ดิน และปล่อยขายในราคาสูง แปลงไหนดูดีมีโอกาส ก็นำมาพัฒนาสร้างโครงการเอง โดยมีธุรกิจหลักคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านสมุทรปราการ

วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540  พิบูลย์ศักดิ์ ก็ไม่ต่างไปจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ ที่อยู่ในสภาพล้มระเนระนาด ขาดทุนย่อยยับ  ลูกๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในต่างประเทศเจอปัญหาค่าเงินบาทลอยตัว ปอนด์ละ 100 บาท ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐก็ขึ้นไปถึง 50 บาท ล่อแหลมที่จะเรียนต่อไปไม่ไหว

แต่ในวิกฤตที่มืดมนนั้น พิบูลย์ศักดิ์ยังเห็นแสงที่ลอดผ่านมาจากโครงการที่เคยลงทุนไป แต่ไม่ได้หวังว่าจะมีรายได้อะไรมากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นโครงการม้าขาวที่พาครอบครัวไกรศักดาวัฒน์ ให้ผ่านวิกฤตคราวนั้นมาได้ นั่นคือ “คลังสินค้า”

พื้นที่ราวหมื่นกว่าตารางเมตร บนถนนเทพารักษ์ กิโลเมตรที่ 16  ถูกวางรากฐานพื้นให้แน่น ป้องกันการทรุดตัว และก่อสร้างเป็นโกดังเปล่าๆ  ในชื่อ TIP 1 ปล่อยให้เช่าเก็บสินค้า กินรายได้เล็กๆ น้อยๆ หากเทียบกับการขายโครงการบ้านจัดสรร ที่ขายได้เร็ว และมีกำไรมากกว่า

แต่เมื่อโครงการบ้านจัดสรรล่มสลาย กลายเป็นลูกค้าที่เช่าโกดังเก็บสินค้าที่สร้างรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว TIP1 กลายเป็นรายได้หลักของครอบครัว จนสามารถส่งลูกๆ ให้เรียนจบกลับมาได้

“20 ปีที่แล้วเรามีพื้นที่เพียงหมื่นกว่าตารางเมตร เป็นคลังเก็บสินค้า 40 โรง เวลานั้นเราคิดว่าทำเพียงเท่านี้  และไปลงทุนสร้างอย่างอื่นทำขายได้เร็วและทำกำไรได้ดีกว่า  แต่ปรากฏว่า ปี 2540 เราเลยรู้ทันทีว่า อาชีพนี้ ควรที่จะทำต่อ เพราะในเวลาที่ผมลำบากมาก แต่โชคดีลูกๆ ที่เรียนต่างประเทศ ได้เรียนจบเพราะ TIP1 เก็บค่าเช่ามาช่วยจนลูกได้เรียนจบทั้ง 4 คน ทำให้เรามีความสำนึกว่า นี่คือลูกกตัญญูที่ทำให้ครอบครัวเราอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ดังนั้นเราจะทำต่อไป” พิบูลย์ศักดิ์ เล่าถึงอดีต

ทำให้ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ทิพย์โฮลดิ้งของ พิบูลย์ศักดิ์ ไกรศักดาวัฒน์  ทิ้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  หันมาเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจคลังสินค้า ที่มีโครงการเพิ่มขึ้นจาก TIP 1 มาจนถึง TIP 8  โดยทั้งหมดตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่ง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และใกล้กรุงเทพมหานคร หนึ่งในไพร์มโลเคชั่นสำคัญของคลังสินค้าไทย

“เราเป็นบริษัทเดียวที่สร้างไว้รอลูกค้า ผมกล้าบอกได้ว่าไม่มีบริษัทกล้าทำ ไม่มีออเดอร์ก็สร้าง แต่เรามีความมั่นใจว่าสามารถหาลูกค้าได้ โดยปัจจุบันทั้ง 8 โครงการของทิพย์ โฮลดิ้ง มีผู้เช่าอยู่ราว 500 ราย คิดเป็น 92% ของพื้นที่ทั้งหมด”

พิบูลย์ศักดิ์ เล่าว่า ลูกค้าบางรายอยู่ในโครงการ TIP มาถึง 20 ปี ใม่เคยหนีไปไหน  ธุรกิจของเขาขยายก็จะอยู่กับเรา  เพราะ TIP มีพื้นที่ให้บริการตั้งแต่ขนาด 400 ตร.ม. จนถึง 10,000 ตร.ม. ธุรกิจขยายเติบโตก็ขยับขนาดขึ้น บริษัทเหล่านี้เติบโตก็จะอยู่กับเราได้ตลอด

ในโครงการ TIP มีทีมก่อสร้าง In House ราว 300 คน  สามารถให้บริการงานบริการซ่อมแซมครบวงจร โดย  80% ของการซ่อมเล็ก สามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายใน 3 ชั่วโมง รวมทั้งมีทีมช่างรับเหมาเอาท์ซอร์ส ที่สามารถเข้ามาดูแลการซ่อมแซม ต่อเติม แม้จะเป็นคลังสินค้าที่ลูกค้าซื้อขาดไปแล้วก็ตาม

แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ทิพย์โฮลดิ้ง สามารถชนะใจลูกค้า  ที่ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าอยู่ใช้บริการมายาวนาน แต่ยังสามารถทำให้มีการแนะนำลูกค้าต่อกันมา คือการให้บริการแบบ Full Service ที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่การติดต่อกับส่วนราชการในการเข้ามาทำธุรกิจ ช่วยลูกค้าปรับปรุง แก้ไขเพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ ได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้อง จนสามารถเข้ามาดำเนินกิจการได้ และดูแลอำนวยความสะดวกต่อไปตลอดเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

“23 ปีมาแล้วถนนในโครงการยังอยู่ในสภาพดี  น้ำไม่เคยท่วม เราลอกท่อทุก 3 ปี ถนนพังตรงไหนไปซ่อม เราดูแลตลอดเวลา ถือว่ามั่นคงมาก ถ้าเราดูแลลูกค้าดี ลูกค้าก็ไม่หนีไปไหน”

แต่แม้วันนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง พิบูลย์ศักดิ์ก็ยังยืนยันที่จะทำธุรกิจคลังสินค้าต่อไป เพราะวันนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ครอบครัว แต่คือความสำเร็จของประเทศชาติ

พิบูลย์ศักดิ์ กล่าวกับ 362degree.com ว่า “แม้วันนี้ ทิพย์โฮลดิ้ง มีพื้นที่มากถึง 540,000 ตารางเมตร  แต่ก็มีนโยบายที่จะขยายพื้นที่สร้างต่อไป ถึงแม้จะได้กำไรต่ำ เพราะตนทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ในอดีตที่ดินตารางเมตรละ1,000 บาท  ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นกว่าบาทต่อตารางเมตร  แต่ราคาค่าเช่าคลังสินค้ายังอยู่เท่าเดิม

“ถามว่าอยากทำไหม ตอบว่า จำเป็นต้องทำ ถ้าผมไม่ทำ ไม่มีใครทำ การลงทุนจะชะงักทันที ต่างประเทศเขาชำนาญอุตสาหกรรม แต่ไม่ชำนาญในการก่อสร้าง ต้องมีคนก่อสร้างให้เขา กฎหมายเมืองไทยมีเยอะ กฎหมายผังเมือง ทำเล การก่อสร้าง ใบอนุญาตต่างๆ  ชาวต่างประเทศเวลาเข้ามา เขาไม่รู้เรื่อง เราต้องไปวิ่งให้เขาทุกอย่าง เขามีเงินมาลงทุน เราต้องมีบริการให้เขา

เราจะตอบแทนคืนต่อสังคม และคิดถึงบุญคุณแผ่นดินที่ให้เราเกิดและสามารถอยู่ได้ ทุกวันนี้กำไรต่ำมาก เราก็จะทำต่อ เราไม่สนใจเรื่องกำไร แต่สนใจให้กิจการของเราสามารถเกื้อกูลนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ได้รับความสะดวกสบาย ไม่ต้องมาเจอมิจฉาชีพหลอก ทำให้เสียชื่อของประเทศไทย เราจะทำให้เขามาลงทุนในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด นี่คือความต้องการของผม“

“ผมมีความสุขมาก ในบั้นปลายของชีวิตมีความสุขใจที่สุดในการทำอาชีพนี้  เพราะเป็นอาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นอาชีพสุจริต ทำให้คนมีงานทำ ผมมีความสุข ถ้าผมสร้างโรงงานได้ 1,000 โรง จะจ้างงานได้เป็นล้านคน  ทำให้รัฐบาลได้ภาษีมากมาย รัฐบาลจะได้เงินจากต่างประเทศมาลงทุน ทำให้มีรายได้อีกมหาศาล  เป็นอาชีพที่ผมพอใจมากที่สุด แม้ไม่ร่ำรวย แต่มีความสุขที่สุด”

จากวันที่ล้มลงจนเกือบต้องเลิก วันนี้ ทิพย์ โฮลดิ้ง ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นลูกของ  พิบูลย์ศักดิ์ ไกรศักดาวัฒน์  ที่สามารถจบการศึกษามาได้จากธุรกิจคลังสินค้า  ก็กำลังสานฝันให้กับคุณพ่อสร้างความสำเร็จให้กับทิพย์โฮลดิ้ง สู่การเป็นผู้ขับเคลื่อนการลงทุนจากต่างประเทศ นำเงินตราเข้ามาสู่ประเทศไทยต่อไป